Exclusive เฟิร์น ณัฐฌา : ดอกไม้บนอัฒจันทร์
ท่ามกลางกลิ่นความเศร้า ที่ยังคลุกเคล้ากับฝุ่น PM 2.5 หลังทีมชาติไทย U-23 ถูกปิดประตูสู่โอลิมปิก ในแบบค้านสายตาแฟนบอลเกือบทั้งประเทศ
นอกจากนักฟุตบอล ที่บู๊ในสนามอย่างสุดความสามารถ ข้างสนามผู้เล่นคนที่ 12 ต่างช่วยเป็นลมใต้ปีกให้ช้างศึกเชือกนี้อย่างสุดใจเช่นกัน
แต่ท่ามกลางแฟนบอลเรือนหมื่นบนอัฒจันทร์ มี 1 สาววัยขบเผาะ ผมทอง หน้าใส ที่ออร่าจับเกินใคร หล่อนปรากฏตัวทุกนัดที่ทีมชาติไทยแข่งในทัวร์นาเมนต์นี้ ความน่ารัก อินเนอร์ของเธอข้างสนาม ล่อแสงแฟลชจากช่างภาพหนุ่มกลัดมัน จนเราได้เห็นเกือบทุกอิริยาบถของเธอ
คงเหมือนที่ อ.ไข่ มาลีฮวนน่า เล่าไว้ในบทเพลงนั่นแหละว่า “ดอกไม้กลิ่นแรง ล่อแมงตัวผู้มาดม”
วันนี้…เราจะพาไปรู้จักเธอในอีกมุม
ซึมซับฟุตบอลจากคุณพ่อและพี่ชาย
อาจเพราะจุดเริ่มต้นการรักอะไรสักอย่างของเราไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับฟุตบอล สำหรับ “เฟิร์น” ณัฐฌา ปณิธานธรรม เธอเติบโตมาในครอบครัวที่หลงใหลในกลิ่นอายลูกหนังตั้งแต่เด็ก เพราะทั้งพ่อ และ พี่ชายของเธอ ต่างชอบฟุตบอลทั้งสิ้น
“บ้านของหนูเป็นผู้ชายกันหมด และกิจวัตรประจําวันคือการเล่นฟุตบอลหน้าบ้าน ซึ่งตอนเด็กเราไม่มีเพื่อนผู้หญิงเล่นด้วย ก็มักจะไปขอแจมเล่นฟุตบอลด้วยกับพ่อและพี่ชายเป็นประจำ เวลาที่บ้านดูบอล เราก็นั่งดูพร้อมกับครอบครัว ก็ซึมซับมาตลอดจนถึงตอนนี้
ผู้หญิงมาดูบอล ไม่มากับแฟนก็มาส่องผู้ชาย ?
แม้ “ฟุตบอล” จะไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ว่าเป็นกีฬาของผู้ชายเพศเดียว แต่ในเมืองไทย ก็หาผู้หญิงที่บ้าบอลจริง ๆ ได้น้อยคน ทำให้ภาพจำและชุดความคิดส่วนใหญ่ของผู้ชาย มองผู้หญิงในมุมนี้
“มันก็แล้วแต่คนจะคิดอ่ะเนอะพี่ แต่สำหรับหนูว่าไม่เกี่ยว”
“ตอนที่หนูเริ่มดูบอลหนูไม่ได้รู้จักนักเตะด้วยซ้ำ รู้ว่านี่คือทีมชาติ พอเริ่มดูถึงได้รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง แต่ถ้าเรื่องมาดูบอลกับแฟน บางคนก็ไม่ใช่ว่าแฟนพาไปดูนะ อย่างน้อยหนูนี่แหละ ที่ลากแฟนไปดูที่สนามเอง (หัวเราะ)”
เสียน้ำตาให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
หากใครเข้าไปส่องเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรมของ เฟิร์น จะพบเธอสวมชุด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพราะนอกจากทีมชาติไทย เธอคือ 1 ในแฟนตัวยง “ปราสาทสายฟ้า” ซึ่งหากปฏิทินชีวิตเอื้อให้ เธอก็พร้อมไปให้กำลังใจทีมรักถึงขอบสนามเสมอ
แต่ฤดูกาลที่ผ่านมาเธอเสียน้ำตาให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังจากที่ลูก ๆ ของ เนวิน ชิดชอบ “ว่าวทุกแชมป์”
“ที่หนูมองเห็นชัด ๆ เลย คงจะเป็นตัวต่างชาติที่ไม่แน่นอน ยังไม่นิ่ง เหมือนยังไม่เข้าที่ ทั้ง เปโดร จูเนียร์ ทั้ง นาสเซอร์ บาราซิต การขาด ดิโอโก (ซานโต) ไปก็อาจส่งผลในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายหนูว่าเราเองอาจกระหายที่จะได้แชมป์ไม่มากพอ แชมป์ของเราเลยหลุดมือไป”
“ตอนที่ทีมพลาดแชมป์นัดสุดท้ายหนูร้องไห้โฮเลย”
วิธีจัดการความนอยด์หาก ทีมชาติไทย บุรีรัมย์ฯ แมนฯยู แพ้
สิ่งที่พบเห็นทั่วไปสำหรับผู้ชายเชียร์บอล เวลาฟุตบอลแพ้ มักจะมีการระบายอารมณ์ทางใดทางหนึ่ง ผ่านโลกออนไลน์ หรือไม่ก็หยิบยกมาถกกันในวงเหล้า แต่กับผู้หญิง เราแทบไม่เคยเห็นวิธีแก้ความนอยด์เวลาทีมรักแพ้ของเธอเลย ซึ่งเฟิร์นตอบเราว่า แน่นอนว่า “เฟล”
“เป็นธรรมดานะ เรื่องความรู้สึกเรามาเชียร์ เราก็คาดหวังให้ทีมที่เรารักชนะ ถ้าถามว่านอยด์ไหม มันก็มีนอยด์บ้าง เหมือนที่หนูร้องไห้ตอนบุรีรัมย์ฯ ไม่ได้แชมป์แหละ (หัวเราะ)”
“แต่ทุกครั้งหนูก็จะบอกตัวเองประมาณว่า ไม่เป็นไรเอาใหม่ เพราะหนูเชื่อว่าคนที่นอยด์กว่าเราคงเป็นนักเตะ เราก็ต้องให้กำลังใจกันไป เรารับรู้ว่าเขาทำเต็มที่แล้ว”
เชื่อใจใน อากิระ นิชิโนะ
กลายเป็นอีกหนึ่งกุนซือที่กระเด็นเข้าไปอยู่ในใจแฟนบอลไทยหลายคน สำหรับ อากิระ นิชิโนะ แม้ผลงานรายทางที่ผ่านมาจะมีทั้งล้ม และเรียกรอยยิ้ม รวมถึงเจ้าตัวเองยังไม่ได้รับสัญญาฉบับใหม่จากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
เฟิร์น กลายเป็นอีกหนึ่งแฟนบอลที่บอกกับผู้เขียนว่า ถึงตรงนี้เขายังเชื่อมั่นในตัว นิชิโนะ เช่นเดิม แม้ทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์เอเชีย U-23 ล่าสุดทีมชาติไทยจะถูกหยุดไว้ที่รอบก่อนรองชนะเลิศ
“หนูว่าลุง (นิชิโนะ) แกโอเคเลยนะ จากการคุมทีมที่ผ่านมา เหมือนเขาเริ่มรู้แล้วว่านักเตะคนไหนเล่นยังไง จะจัดระบบแบบไหนนักเตะ ถึงจะดึงศักยภาพนักเตะให้เล่นได้ดียิ่งขึ้น และกลับรายการที่ผ่านมาหนูว่าทั้งตัวโค้ช และนักเตะก็ทำได้ดีแล้ว”
มิตรภาพที่ได้จากการดูบอลที่สนาม
แม้จะไม่มีภาพช้าให้ดู ไม่มีภาพมุมสูงหรือจังหวะเข้าทำชัด ๆ ให้เห็นเหมือนถ่ายทอดสดทางทีวี แต่เฟิร์น เล่าว่าการมาดูบอลในสนามช่วยเปิดโลกลูกหนังอีกใบให้เธอ จากที่เคยดูแต่หน้าจอทีวีที่บ้าน
“คนที่ดูบอลทั่วไป อาจจะมองว่ามันก็ไม่ได้ต่างกันมาก ตอนแรกหนูก็ดูแค่ในทีวี แต่สำหรับหนู พอมาเชียร์ข้างสนาม มันเหมือนว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของเสียงที่ส่งไปถึงนักเตะนะ ว่าเราอยู่ตรงนี้เราเชียร์อยู่ มีกำลังใจจากเราอยู่”
“อีกอย่างหนูว่าได้รู้จักคนที่ชอบบอลเหมือนเรา ไม่ต้องเชียร์เหงา ๆ คนเดียว แบบเหมือนเป็นพี่น้องที่มากระโดดร้องเพลงเชียร์ด้วยกัน มันเป็นมิตรภาพดี ๆ อย่างหนึ่งที่ได้จากการดูบอลขอบสนาม หนูอยากบอกว่าถ้าใครที่ว่าง และยังไม่เคยมาเชียร์บอลที่สนาม อยากให้ลองมาดูสักครั้ง แล้วคุณจะรู้สึกว่าอยากมาอีกให้ได้เลย”