แชมเปี้ยนชิพ หลังผ่านเกมที่ 32 เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยว่าทีมใดมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนกับการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก
ชัยชนะ 4 เกมติดต่อกัน ทำให้ นอริช ของกุนซือ ดาเนียล ฟาร์เค่ นำห่าง เบรนท์ฟอร์ด 7 คะแนนเท่าเดิม และอยู่เหนือพื้นที่เพลย์ออฟ 7 คะแนนเช่นกัน ขณะที่เหลืออีก 14 เกมสุดท้ายของฤดูกาลนี้
เมื่อมองจากตัวเลขในตารางคะแนน มีโอกาสสูงที่จะได้เห็น นอริช กลับคืนพรีเมียร์ลีก หลังจากตกชั้นมาได้แค่ปีเดียว ส่วนหนึ่งมาจากการที่ ฟาร์เค่ สามารถเก็บตัวหลักเอาไว้ได้เกือบครบ มีเสียไปเพียงแค่ จามาล ลูอิส กับ เบน ก๊อดฟรีย์ เพียงสองคนเท่านั้น
พวกเนื้อหอมคนอื่นๆ อาทิ ทอดด์ แคนท์เวลล์, แม็กซ์ แอรอนส์, เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย ยังอยู่กับทีมพร้อมหน้าพร้อมตา เช่นเดียวกับฟอร์มดาวยิงที่ไม่มีตก ทีมู พุกกี้
หากแบ่งตารางคะแนนออกเป็นกลุ่มๆ นอริช ยืนอยู่โดดเดี่ยวบนหัวตารางทีมเดียว (67 คะแนน) ขณะที่กลุ่มรองลงมาที่ต้องแย่งอันดับสอง เลื่อนชั้นอัตโนมัติ มีอยู่ด้วยกันสามทีม เบรนท์ฟอร์ด (60 คะแนน), วัตฟอร์ด (60 คะแนน) และ สวอนซี (59 คะแนน)
ก่อนหน้านี้ เบรนท์ฟอร์ด ด้วยฟอร์มการถล่มประตูอันร้อนแรงของ อีวาน โทนี่ย์ เคยแซง นอริช ก้าวขึ้นเป็นจ่าฝูงแชมเปี้ยนชิพมาแล้ว แต่ก็ยืนระยะไม่ได้ เพราะหลังจากนั้นเกิดแพ้รวด 3 เกมติดต่อกัน ก่อนจะกลับมาพบชัยชนะได้ในเกมล่าสุด
วัตฟอร์ด ก็มีการเปลี่ยนแปลงโค้ชที่น่าสนใจ เพราะ วลาดิเมียร์ อีวิช ถูกไล่ออกขณะที่ทีมยังอยู่อันดับ 5 ในช่วงกลางเดือนธันวาคม แต่หลังจาก ชีสโก้ มูนญอซ เข้ามาคุมทีมต่อ ตอนนี้ขยับขึ้นสู่อันดับ 3 มีลุ้นเลื่อนชั้นอัตโนมัติแบบเต็มตัว
อีกทีมที่มองข้ามไม่ได้คือ สวอนซี เพราะตัวแปรสำคัญอยู่ที่สองเกมตกค้างในมือ ว่าจะแปรเปลี่ยนเป็นกี่คะแนน หากชนะทั้งสองเกมก็จะขยับไล่บี้จ่าฝูงเหลือแค่สองคะแนน แต่หากทำไม่ได้ ก็ต้องเกาะกลุ่มอยู่กับ เบรนท์ฟอร์ด และ วัตฟอร์ด ต่อไปแบบนี้แหละ
อีกกลุ่มนี่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว เพราะไล่จากอันดับ 5 ลงมาเรื่อยๆ จนถึงอันดับ 12 มีความห่างกันเพียง 9 คะแนนเท่านั้น เป็นอีกฤดูกาลที่ความกระชั้นของคะแนนใกล้เคียงกันมาก ลากลงไปถึงท้ายตารางเลยด้วยซ้ำ
ทีมที่น่าจับตามองตอนนี้มี คาร์ดิฟฟ์ ของกุนซือใหม่ มิค แม็คคาร์ธี่ ที่เพิ่งทะยานจากอันดับ 15 ขึ้นสู่อันดับ 6 หลังจากกวาดชัยชนะ 6 เกมติดต่อกันแล้ว
อีกทีมคือ บาร์นสลี่ย์ ของเฮดโค้ช วาเลเรียง อิสมาแอล ที่ชนะ 4 เกมรวด พรวดขึ้นมาอยู่ที่ 8 ห่างโซนเพลย์ออฟแค่แต้มเดียว
และที่สวนทางลงไปอย่างน่าใจหายก็มี บอร์นมัธ, มิดเดิลสโบรช์, สโต๊ค, บริสตอล ซิตี้, แบล็คเบิร์น พวกนี้อาการน่าเป็นห่วงมาก
โค้ชหลายคนที่เคยผ่านประสบการณ์ในเวทีแชมเปี้ยนชิพจะทราบดี ว่านี่คือลีกที่หนักและท้าทายมากในการคุมทัพ เพราะด้วยผลการแข่งขันและฟอร์มการเล่นที่ยากจะคาดเดา (แม้ทีมตัวเอง) ในทุกๆ สัปดาห์
และตารางคะแนนที่พร้อมเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดชนิดแทบไม่เชื่อสายตา หากชนะติดต่อกันสัก 3-4 นัด หรือแพ้ติดต่อกันสัก 3-4 นัด นี่รู้เรื่องเลย
ไม่เชื่อลองดูผลงานของ คาร์ดิฟฟ์ กับ บริสตอล ซิตี้ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์เป็นตัวอย่าง