:::     :::

ความหวังเดียว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศปีนี้ได้ 4 ทีมครบถ้วนประกอบด้วย สเปอร์ส, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี และ เซาธ์แฮมป์ตัน

เชลซี เป็นทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบแบบต้องออกแรงเพิ่มเล็กน้อยก่อนเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในช่วงต่อเวลา แต่กระนั้นก็ยังดีกว่าต้องไปรีเพลย์เต็มแมตช์เหมือนที่ผ่านมา ปีนี้กฎกติกาเปลี่ยนไปในปีนี้เพื่อลดโปรแกรมให้น้อยลง ลุยกันนัดเดียวให้รู้เรื่องไปเลย หาก 120 นาทียังไม่ได้ข้อสรุปก็ว่ากันที่ดวลจุดโทษ

หลังจบเกมที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม พิธีจับสลากรอบตัดเชือกเริ่มขึ้นทันทีก่อนได้ผลประกบคู่อย่างที่หลายคนทราบกันไปแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเปิดศึกกับ สเปอร์ส ขณะที่ เชลซี วัด เซาธ์แฮมป์ตัน 

ทั้งสองคู่หวดกันที่บ้านของสเปอร์ส เอ้ย! สนามกลางเวมบลีย์ ในสุดสัปดาห์ที่ 21 และ 22 เมษายน หรืออีกราวหนึ่งเดือนต่อจากนี้

รอบรองฯ ปีนี้ไม่มีทีมจากลีกรองหลุดเข้ามา ม้ามืดอย่าง วีแกน หนึ่งเดียวจากลีก วัน ที่เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยการพลิกโค่น แมนฯ ซิตี้ ในรอบก่อนหน้านี้ มีอันต้องจอดป้ายหลังพ่ายคาบ้านต่อ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-2 

4 ทีมปีนี้เป็น 3 ทีมในกลุ่มลุ้นท็อปโฟร์ และอีกหนึ่งทีมหนีตายที่หวังไขว่คว้าความสำเร็จในฤดูกาลอันยากลำบากนี้เช่นกัน

แมนฯ ยูไนเต็ด ดีกรีแชมป์ 12 สมัย เป็นรองเพียงอาร์เซน่อล (13 สมัย) ถูกจับสลากให้เป็น "เจ้าบ้าน" ขณะที่ สเปอร์ส ต้องใช้ห้องแต่งตัวทีมเยือนกับการเล่นเวมบลีย์ที่พวกเขาเหมือนเป็นเจ้าบ้านเสียเองมากกว่าเพราะใช้งานมาตลอดในช่วงที่สนามใหม่กำลังก่อร่างสร้างตัว


เนมานย่า มาติช นำผีแดงเข้ารอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ

ไก่เดือยทอง คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาแล้ว 8 ครั้ง ทว่าครั้งล่าสุดต้องย้อนไปในปี 1991 หรือ 27 ปีมาแล้ว ส่วนหนล่าสุดที่ผีแดงได้ฉลองถ้วยอันเปี่ยมมนต์ขลังคือ 2 ปีก่อนในยุค หลุยส์ ฟาน กัล

เชลซี เป็นแชมป์ 7 สมัย และเพิ่งเข้าชิงเมื่อปีที่แล้วก่อนพ่ายอาร์เซน่อลหวุดหวิด ส่วน เซาธ์แฮมป์ตัน มีเกียรติประวัติความสำเร็จในถ้วยนี้น้อยสุดเพียงครั้งเดียวในปี 1976 และเข้าถึงรอบตัดเชือกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2003

ในมุมมองร้านพูลถูกกฎหมาย เชลซี กลายเป็นเต็งหนึ่งด้วยความที่ไม่ต้องเจอทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ สเปอร์ส ในรอบตัดเชือก ลูกทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ ข่มเซาธ์แฮมป์ตันอยู่พอสมควร ต่างจากคู่ "ผี-ไก่" ที่เดาได้ยากเหลือเกินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศปีนี้นอกจากเป็นเรื่องของทีมพรีเมียร์ลีกล้วนๆ แล้ว ทั้ง 4 ทีมยังอยู่ในสถานการณ์คล้ายคลึงกันอย่างมากโดยเฉพาะ 3 ทีมใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี และ สเปอร์ส

ผีแดง, สิงห์บลูส์ และ ไก่เดือยทอง เพิ่งตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีก ขณะที่ในลีกก็คงยอมรับสภาพยกแชมป์ให้แมนฯ ซิตี้ กันไปแล้ว ลุ้นจริงจังเพียงแค่ติดท็อปโฟร์เพื่อไปลุยถ้วยยุโรปใบโตให้ได้ในฤดูกาลหน้า


เชลซี เหนื่อยถึงต่อเวลาแต่ก็ผ่านเลสเตอร์มาได้

นั่นทำให้ เอฟเอ คัพ กลายเป็นความหวังเดียวในการลุ้นความสำเร็จแบบจับต้องได้ฤดูกาลนี้ 

ก่อนเริ่มฤดูกาล ใครจะคิดล่ะว่า 3 ทีมของ 3 กุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่, อันโตนิโอ คอนเต้ และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ และทำได้เพียงลุ้นสุดตัวกับการมีเพียงแชมป์เอฟเอ คัพ ติดมือ ไม่ใช่พรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ต้องมี 2 คนที่อกหัก หรืออาจชอกช้ำทั้ง 3 หาก เซาธ์แฮมป์ตันของ มาร์ค ฮิวจ์ส ผีเข้าคว้าแชมป์ได้ 

ไม่ว่าหวยจะออกที่ใครก็นับว่า "ล้มเหลว" เมื่อดูจากความคาดหวังของแฟนบอลในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล

แมนฯ ยูไนเต็ด ของ มูรินโญ่ ใช้เงินไม่น้อยกว่า 150 ล้านปอนด์ แต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับการเป็นแชมป์เพราะแมนฯ ซิตี้ แสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมกับตำแหน่งแชมเปี้ยนมากกว่า

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังมาเสียท่า เซบีย่า คาบ้านด้วยรูปแบบที่แฟนบอลสุดผิดหวัง ตกรอบแบบน่าอับอาย และไม่มีความประทับใจใดๆ ให้นึกถึง

ส่วนเชลซี ของ คอนเต้ ที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน ก็ล้มเหลวไม่ต่างกัน ผลงานฤดูกาลนี้ดร็อปลงไปอย่างมาก


สเปอร์ส หวังความได้เปรียบในการเล่นที่เวมบลีย์เป็นตัวแปรล่าแชมป์เอฟเอ คัพ

ทางเดียวที่จะทำให้ฤดูกาลนี้ออกมาดีสุดเท่าที่ทำได้ในช่วงที่เหลือคือ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ให้ได้ พร้อมกับติดพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก 

เชลซี สุ่มเสี่ยงมากกว่าเพราะรั้งอันดับ 5 ในลีกตอนนี้ และหากยังพลาดท่าในเอฟเอ คัพ อีก ก็คงถึงเวลาที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ต้องแยกย้าย

ยี่ห้อ "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช คิดเร็วทำเร็วอยู่แล้ว ขอเพียงเสี้ยวความรู้สึกที่เขาไม่มั่นใจว่ากุนซือคนนี้จะไปต่อไป ก็พร้อมตัดสินใจเชือดทิ้งทันที 

ส่วน มูรินโญ่ มีโอกาสเกาะท็อปโฟร์มากกว่า และหากทำได้ดีหน่อยก็มีแชมป์เอฟเอ คัพ ติดมือ ซึ่งเป็นแชมป์รายการสำคัญใบที่ 3 จากจาก ลีก คัพ และ ยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน

แต่ทีมที่ลงทุนมหาศาลขนาดนี้ และเป็นฤดูกาลที่ 2 ที่ควรต้องมีผลงานดีขึ้นกว่าเดิม แชมป์เอฟเอ กับ ตั๋วชปล. คงไม่เพียงพอในความรู้สึกของแฟนผี ไหนจะสไตล์การทำทีมที่ไม่สามารถนำไปอวดอ้างและภาคภูมิใจได้เลย

สเปอร์ส ดูจะมีความกดดันน้อยกว่าเพราะทิศทางของทีมโดยรวมในยุค โปเช็ตติโน่ ถือว่าทำได้ดี เป็นทีมพลังหนุ่มที่มีอนาคต แต่พวกเขาก็ห่างกับการเป็นแชมป์มานานมาก ความสำเร็จล่าสุดคือ ลีก คัพ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว 


เซาธ์แฮมป์ตันมีภารกิจสำคัญทั้งในลีกและเอฟเอ คัพ

หลายฤดูกาลที่ผ่านมาได้แค่เฉียด ถึงเวลาบีบหัวใจก็มีอันหลุดโค้งก่อนตลอด ทีมแบบนี้ต้องมีความสำเร็จเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนียวนักเตะตัวหลักเอาไว้ หากยังมือเปล่าทุกฤดูกาลก็คงยากที่จะรั้งนักเตะเอาไว้ได้ต่อให้หลายคนมี "ใจ" อยู่กับทีมก็ตาม

อีกทีมที่เหมือนไม่เข้าพวกอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ยังมีภารกิจสำคัญในลีกคือ ลุ้นหนีตกชั้นให้ได้ นี่คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด ทว่าการมาถึงรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ แบบนี้ก็เย้ายวนให้ต้องลุยเต็มร้อย 

นักบุญของ มาร์ค ฮิวจ์ส จึงเหมือนห่วงหน้าพะวงหลัง หากบริหารจัดการไม่ดีก็มีโอกาสสูงที่จะ "พลาด" ทั้งสองอย่าง

หรือถ้าต้องเลือกระหว่าง รอดตกชั้น กับ ได้แชมป์เอฟเอ คัพ อยากรู้ใจแฟนนักบุญจริงๆ ว่าจะเลือกอย่างใด



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด