มือเปล่าเท่ากับล้มเหลว
นอกจากนี้ยังเป็นการเก็บชัยชนะเกมที่ 5 ติดต่อกันของพลพรรค เชลซี โดยอีก 3 เกมเกิดขึ้นใน พรีเมียร์ลีก บวกกับอีก 1 เกมใน คาราบาว คัพ
เรียกได้ว่ามันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักเตะมากยิ่งขึ้นดีกว่า หลังจากที่ห่อเหี่ยวมาตั้งแต่ช่วง ปรี-ซีซั่น ที่ดูเล่นไม่มีทรง แถมยังเปิดซีซั่นด้วยการแพ้คาบ้านให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกต่างหาก
เอ็นโซ่ มาเรสก้า ปรับผู้เล่นตัวจริงทั้ง 11 คนจากเกมชนะ ไบรท์ตัน 4-2 ซึ่งมันทำได้อยู่แล้วเมื่อมองจากขนาดทีมที่ต้องบอกว่าขนาดเปลี่ยนทั้งทีมแล้วยังเล่นกันไม่ครบเลย
ถือเป็นความเได้เปรียบในมือของนายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยน ที่มีมากกว่าคู่แข่งรวมลีก หรือแม้แต่กระทั่งในบอลถ่วยหรือบอลทวีปก็ตาม
แน่นอนว่าชื่อชั้นของผู้เล่น "สำรอง" ก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าพวกตัวจริงสักเท่าไรเลยด้วยซ้ำ เมื่อลองไล่รายชื่อดูทั้ง ชูเอา เฟลิกซ์, เปโดร เนโต้, คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู, เคียแนน ดิวส์บิรี่-ฮอลล์, เบอร์นัวต์ บาเดียชิล และ อักเซล ดิซาซี่
ดีกว่าทีมใน พรีเมียร์ลีก บางทีมด้วยซ้ำไป
ถึงขนาดที่ว่าทาง ทรานเฟอร์รูม ระบุว่ามูลค่ารวมนักเตะในทีม เชลซี นั้นสูงถึง 1.1 พันล้านปอนด์ มากกว่าอีก 35 ทีมในรายการนี้รวมกันด้วยซ้ำ!!!
เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะถูกยกให้เป็นทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ถ้วยเล็กสุดของยุโรปในซีซั่นนี้ไปครอง ต่อให้ไม่ได้ใช้ตัวหลักตลอดทั้งทัวร์นาเม้นต์ก็ตาม
ที่มันน่าภูมิใจเมื่อมองจากเกมนี้นักเตะเล่นกันด้วยความมุ่งมั่นเต็มที่ ไม่ได้มีคนงอแงว่าระดับฉันต้องเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ เรียกได้ว่าทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง เมื่อได้รับโอกาสก็แสดงผลงานออกมา แล้วค่อยไปดูว่าโค้ชจะมอบโอกาสให้อีกมาก-น้อยแค่ไหน
ทุกอย่างอยู่ในมือของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ซึ่งการมีนักเตะเหลือใช้มันก็เป็นเรื่องดี แต่แน่นอนว่ามันก็คือดาบสองคมที่พร้อมทิ่มแทงเขาด้วยเช่นกัน
เพราะตอนนี้ เชลซี นั้นใหญ่เกินกว่าที่จะจบด้วยความล้มเหลวอีกครั้งในปีนี้ เพราะขนาดที่ว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่ฝีมือไม่ธรรมดาและถูกมองว่ากำลังพาทีมไปสู่เส้นทางที่ดีสุดท้ายยังไม่รอด แม้จะเร่งเครื่องพาทีมกระโดดขึ้นมาจบอันดับที่ 6 ของตาราง
นั่นแสดงให้เห็นว่าบอร์ดบริหารของ "สิงห์บลูส์" ต้องการให้ทีมประสบความสำเร็จนั่นคือการคว้าแชมป์ติดมือให้ได้เท่าไร ไม่อย่างนั้นถือว่าล้มเหลว
แม้แต่การพาทีมจบในท็อปโฟร์ก็ยังถูกมองว่าไม่เพียงพอ
ทุกอย่างอยู่บนสองบ่าของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ว่าจะพาทีมไปภึงจุดนั้นได้รึเปล่า เพราะอย่างที่บอกไปว่าขนาดนี้ทีมพวกเขาใหญ่มากและได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องของการโรเตชั่นนักเตะ
ฉะนั้นแล้วไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นหากทีมไม่สามารถคว้าโทรฟี่สักใบในฤดูกาลนี้มาครองได้ เพราะมันถือว่าล้มเหลวจริงๆ ทั้งบอร์ดบริหารและแฟนบอลก็คิดแบบนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ทาง เอ็นโซ่ มาเรสก้า เองก็คงรู้ตัวดีและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้
ถ้าไม่อย่างนั้นเขาอาจจะพบว่าตัวเองตกงานเมื่อจบฤดูกาลนี้ หรือแม้แต่โดนไล่ออกตั้งแต่ยังไม่จบซีซั่นด้วย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT