ลุยซ์ โดนไล่ออกทดเจ็บครึ่งแรกจังหวะวิ่งตาม วิลเลี่ยน โชเซ่ ผู้เล่น วูล์ฟส์ ซึ่งกำลังจะหลุดเดี่ยวแล้วเกิดอุบัติเหตุปลายเท้าสะกิดเล็กน้อยจนหอกคู่แข่งล้มในกรอบ ผู้ตัดสิน เคร็ก พอว์สัน มองว่าเจตนาไม่เล่นบอลชักใบแดงไล่ออก 

ด้าน เบดนาเร็ค ถูกไล่นาที 89 เมื่อบอลเปิดมาในกรอบดันปล่อยไหลถึง อองโตนี่ มาร์กซิยาล ด้านหลังครั้นจะปรี่เคลียร์ก็กลายเป็นอัดหอกเฟร้นช์คว่ำ เชิ้ตดำ ไมค์ ดีน เช็ควีเออาร์แล้วก็ไล่ออกเช่นกัน

ซึ่งตามกฎของลีกหากผู้เล่นเกมรับทำฟาวล์คู่แข่งในกรอบ 18 หลาโดยไร้เจตนาเล่นบอล เข้าข่ายเป็นจุดโทษ-ใบแดง แต่หากผู้เล่นเกมรับตั้งใจเล่นบอลจากการทำฟาวล์นั้นเชิ้ตดำต้องปกป้องฝ่ายเสียประโยชน์ด้วย กรณีให้เป็นจุดโทษแล้วเต็มที่แค่แถมใบเหลือง 

เหตนี้ทั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เกล็น ฮอดเดิ้ล 2 นักวิเคราะห์ ‘บีที สปอร์ต’ จึงมองว่าผู้ตัดสินทั้งสองเกมทำเกินเหตุ ส่วนกฎที่ตราออกมาก็ต่างคนต่างตีความ

“กฎมันเลอะเทอะ เป็นกฎที่เลอะเทอะว่าหากคุณดึงคู่แข่งล้มหรือชนใส่ผู้เล่นเกมบุกแล้วบอกว่าตัวเอง - เจตนาเล่นบอลนะจารย์! - จะโดนโทษแค่ใบเหลือง” ฮอดเดิ้ล เปิดก่อน

“แต่เมื่อเราเห็นสองผู้เล่นในคืนที่ผ่านมาโดนไล่ออก มองยังไงก็ไม่ฟาวล์มันอาจมีการสัมผัสตัวเกิดขึ้น แต่หากแค่สัมผัมแล้วถูกไล่ออกเลยก็เกินเหตุ”

ด้าน เฟอร์ดินานด์ เสริมว่างงใจกับมาตรฐานการตัดสินทุกวันนี้ “มันค้านกับสิ่งที่เราเคยทราบเกี่ยวกับฟุตบอล เป็นกฎที่บ้าบอ บ้ามาก” 

https://twitter.com/btsportfootball/status/1356735019558010884

“ยิ่งปฏิกิริยาของคนทางโซเชี่ยลมีเดียก็น่าจะบอกทุกสิ่งที่พวกผู้มีอำนาจควรทราบได้ดี เพราะทุกที่เต็มไปด้วยข้อกังขา ไม่อยากเชื่อมาตรฐานคำตัดสิน” 

“อย่าง ไมค์ ดีน ตลอดอาชีพแจกใบแดงกว่า 109 ครั้ง มากกว่าเชิ้ตดำท่านไหนๆ เขาไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนไล่ใครออกสักคน”

“กลายเป็นว่าทุกวันนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องปลุกความคิดกันใหม่ว่ากองหลังต้องมุ่งไปที่ลูกบอลเพื่อชิงให้ได้ มากกว่าเบียดให้คู่แข่งพ้นทาง มันบ้ามาก” 

ฟีดแบ็คหลังเกมจากฝั่ง มิเกล อาร์เตต้า เฮดโค้ช อาร์เซน่อล บอกอุทธรณ์ใบแดงของ ลุยซ์ แน่นอน ขณะที่ เบดนาเร็ค ก็พยายามชี้แจงว่าแม้แต่ มาร์กซิยาล ก็เห็นว่าจังหวะเบียดกันนั้นไม่ฟาวล์