เริ่มเกมมา 10 นาที เรอัล โซเซียดาด ได้จุดโทษในจังหวะที่ ดาบิด ซิลบา โดน ดาเนียล การ์บาฆาล สะกิดข้อเท้า มิเกล โอยาร์ซาบาล รับหน้าที่ยิงผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เข้าไปเป็น 1-0

เรอัล มาดริด ตามตีเสมอ 1-1 ในนาที 40 ลูก้า โมดริช จ่ายบอลจากขวาเข้ากลาง เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า จับด้วยซ้ายแล้วยิงไกลระยะราว 30 หลา บอลพุ่งเสียบตาข่ายงามหยด

อีก 3 นาทีถัดมา ประตูสุดสวยเกิดขึ้นอีกลูกและเป็น เรอัล มาดริด ที่แซงนำ 2-1 จากจังหวะที่ คาริม เบนเซม่า เล่นเตะมุมสั้นกับเพื่อนก่อนไหลให้ ลูก้า โมดริช โยกสองจังหวะเข้าซ้ายก่อนยิงไกลส่งบอลเข้าสามเหลี่ยมสุดแม่นยำ และจบครึ่งแรกที่สกอร์นี้ 

ครึ่งหลังนาที 55 เรอัล มาดริด ได้ลุ้นจากฟรีคิกหน้าเขตโทษ กาเซมีโร่ กดเต็มหลังเท้าขวา อเล็กซ์ เรมีโร่ นายทวาร เรอัล โซเซียดาด ไม่กล้ารับ ต้องทุบทิ้งออกไป

ราชันมีลุ้นอีกครั้งในไม่กี่นาทีถัดมา เบนเซม่า รับบอลจาก การ์บาฆาล ในเขตโทษก่อนพลิกหนีตัวประกบแล้วยิงจ่อๆ ด้วยขวา เรมีโร่ ผวาเซฟเอาไว้ได้

เรอัล มาดริด ส่งบอลตุงตาข่ายได้ในนาที 68 วินิซิอุส จูเนียร์ จะตอกส้นให้เพื่อนแต่เด้งโดนสองผู้เล่นทีมเยือนก่อนเข้าทาง เบนเซม่า ซัดเน้นๆ ไม่เหลือ ทว่ามีการเช็กวีเออาร์พบว่า โรดริโก้ อีกแนวรุกของราชันล้ำหน้า จึงริบประตูคืน

อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด มาได้จุดโทษในนาที 76 หลังผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ยืนยันว่า วินิซิอุส โดน อาริตซ์ เอลูสตอนโด้ ทำฟาวล์ในเขตโทษก่อนเป็น คาริม เบนเซม่า ซัดเข้าไปไม่พลาดส่งทัพราชันหนีเป็น 3-1

นาที 79 สกอร์ไหลเป็น 4-0 ดาเนียล การ์บาฆาล เติมเกมรุกถึงสุดเส้นหลังก่อนหักข้อมาให้ มาร์โก อาเซนซิโอ ตัวสำรองยิงด้วยซ้ายระยะ 10 หลา บอลแฉลบผู้เล่นทีมเยือนเล็กน้อยก่อนเข้าประตูไป 

จากนั้นจบเกม เรอัล มาดริด ชนะ เรอัล โซเซียดาด ไป 4-1 เก็บเพิ่มเป็น 63 คะแนน ทิ้งห่าง เซบีย่า เป็น 8 คะแนนจากการลงเล่น 27 นัดเท่ากัน และเป็นการเรียกความมั่นใจก่อนทำศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมนัดสองดวล ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในวันพุธที่ 9 มีนาคมนี้