ออสเตรีย ของกุนซือ ราล์ฟ รังนิก ส่ง มาร์โก อาร์เนาโตวิช เล่นหน้ากับ อันเดรียส ไวมันน์ ส่วน ฝรั่งเศส ได้ คาริม เบนเซม่า หัวหอกตัวเก่งฟิตกลับคืนตัวจริง ขณะที่ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เป็นสำรอง

โอกาสลุ้นจริงจังครั้งแรกของฝรั่งเศสทำได้ในนาที 18 จากจังหวะโหม่งจ่อๆ ของ เบนเซม่า แต่ว่าติดเซฟ พาทริค เพนท์ซ นายทวารออสเตรีย

นาที 32 ฝรั่งเศส มีลุ้นอีกครั้ง บูบาการ์ กามาร่า จ่ายบอลให้ เบนเซม่า ยิงด้วยขวาหน้าเขตโทษ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ เพนท์ซ 

ออสเตรีย พลิกได้ประตูนำ 1-0 ในนาที 37 มาร์โก อาร์เนาโตวิช ได้บอลในเขตโทษฝั่งขวาก่อนไหลต่อให้ คอนราด ไลเมอร์ วิ่งอ้อมหลังมาเปิดบอลเข้ากลาง อันเดรียส ไวมันน์ แปโล่งๆ เข้าไปง่ายด่าย

ท้ายครึ่งแรกนาที 42 คอนราด ไลเมอร์ สร้างโอกาสให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช กดด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่ อูโก้ โยริส เซฟช่วยฝรั่งเศส เอาไว้ ทำให้จบครึ่งแรก ออสเตรีย นำ ฝรั่งเศส 1-0

เริ่มครึ่งหลัง ฝรั่งเศส ลุยใส่และได้ลุ้นในนาที 52 จากเตะมุมที่จบด้วย อองตวน กรีซมันน์ จ่ายให้ คาริม เบนเซม่า ยิงด้วยขวาแต่ไม่เข้ากรอบ 

นาที 63 ฝรั่งเศส ต้องส่ง เอ็มบั๊ปเป้ ลงมาแทน กรีซมันน์ ขณะที่แดนกลางปรับเช่นกันส่ง มัตเตโอ เก็นดูซี่ แทน ออเรเลียง ชูอาเมี่ 

นาที 69 ออสเตรีย เปลี่ยน ดาวิด อลาบา แข้งตัวเก่งออกหลังมีปัญหาบาดเจ็บ เควิน ดานโซ่ จึงได้โอกาสลงเล่นแทน

ฝรั่งเศส หาโอกาสได้อีกจากเตะมุมในนาที 82 อิบราฮิม่า โกนาเต้ แนวรับ ลิเวอร์พูล ที่ลงตัวจริงทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกได้โหม่ง แต่กดบอลไม่เข้ากรอบ ทำให้ออกหลังไป

ตราไก่ตามตีเสมอ 1-1 จนได้ในอีกนาทีถัดมา คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู แทงบอลเข้าเขตโทษ เอ็มบั๊ปเป้ ควบไปแตะด้วยขวาก่อนยิงด้วยซ้ายส่งบอลเสียบเสาแรกอย่างเด็ดขาด

ฝรั่งเศส เกือบแซงนำจาก เอ็มบั๊ปเป้ คนเดิมที่ทำชิ่งกับเพื่อนร่วมทีมก่อนเกี่ยวบอลไปยิงด้วยขวาเน้นๆ พาทริค เพนท์ซ ผวาออกมาเซฟก่อนบอลเด้งชนคาน ออสเตรีย รอดเหลือเชื่อ

จากนั้นจบเกม ออสเตรีย ต้านเอาไว้ได้ทำให้เสมอ ฝรั่งเศส 1-1 แบ่งทีมละแต้ม และทำให้ "ตราไก่" ในฐานะแชมป์เก่ารายการนี้ยังไม่ชนะใครเลยในการลงสนาม 3 นัด