เริ่มต้นที่ สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ เป็นการดวลกันระหว่าง ฝรั่งเศส ซึ่งหมดลุ้นเป็นที่ 1 ไปแล้ว พบกับ ออสเตรีย

เล่นไป 2 นาที ตราไก่ ส่งบอลเข้าประตูแต่จังหวะของ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ โดนจับล้ำหน้า และนาทีที่ 23 เจ้าบ้านเจอข่าวร้าย ฌูลส์ กุนเด้ บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง วิลเลียม ซาลีบา ลงมาแทน

เลส์ เบลอส์ ยังคงเดินหน้าเต็มกำลัง นาที 35 โอเรเลียง ชูอาเมนี่ เข้าชาร์จติดเซฟ พารทริก เพนต์ซ ปัดบอลชนคาน บอลเด้งมาที่ อองตวน กรีซมันน์ ได้ซ้ำแต่มือกาวออสเตรียยังเซฟได้

ปัญหาของทีมชาติฝรั่งเศสยังคงมีต่อเนื่อง ไมค์ เมนญ็อง ผู้รักษาประตูบาดเจ็บน่องเล่นในครึ่งหลังต่อไม่ไหว ต้องให้ อัลฟองส์ อาเรโอล่า ลงแทน

แต่ทาง ตราไก่ ออกนำ 1-0 ในนาที 56 จากการประสานงานของสองกองหน้า โอลิวิเย่ร์ ชีรูด์ ได้บอลกลางสนามก่อนไหลมาให้ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ ลากตัดจากซ้ายเข้าในแล้วกดด้วยขวาไม่เหลือซาก

เจ้าบ้านทิ้งห่าง 2-0 ในนาที 65 อองตวน กรีซมันน์ ครอสจากทางขวาลอยเข้าศรีษะ โอลิวิเย่ร์ ชีรูด์ ขึ้นโขกส่งบอลผ่านมือผู้รักษาประตูเสียบตาข่าย

จบเกม ฝรั่งเศส ชนะ ออสเตรีย 2-0 ขยับขั้นมาที่ 3 ส่วนทีมเยือนรั้งบ๊วยของกลุ่ม

อีกคู่ในกลุ่มเดียวกันเป็นศึกแข่งชิงจ่าฝูงระหว่าง โครเอเชีย เปิด มักซิเมียร์ สตาดิโอน ดวลกับ เดนมาร์ก 

เกมคู่นี้กว่าจะมีประตูต้องรอนาที 49 กองหลังเดนมาร์กสกัดไม่ขาดจิ้มบอลมาหน้าประตูเข้าทาง บอร์นา โซซ่า แบ็กซ้ายโครแอตแปสวนเสียบตาข่าย 1-0 

เดนมาร์ก ตีเสมอ 1-1 ในนาที 77 คริสเตียน เอริกเซ่น มีช่องยิงไกลก่อนจะปั่นด้วยขวาส่งบอลผ่านมือผู้รักษาประตูเสียบตาข่ายแบบสุดสวย

แต่ทาง โครเอเชีย ออกนำ 2-1 ในอีก 2 นาทีต่อมาจากผลงาน โลโวร่ มาเยอร์ ที่เพิ่งลงสนามไม่ถึงนาที ยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ แคสเปอร์ ชไมเคิล พยายามพุ่งปัดแต่ช้าไป

จบเกม โครเอเชีย ชนะ เดนมาร์ก 2-1 พร้อมแซงขึ้นมานำเป็นจ่าฝูง