เกมที่ ไลป์ซิก สเตเดี้ยม ช่วงทดเจ็บ 90+8 ขณะที่ ‘อัซซูรี่’ ตามหลัง 0-1 ริคคาร์โด้ คาลาฟิโอรี่ พาบอลลุยขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษก่อนป้ายออกซ้ายให้ ซัคคานยี่ วิ่งเติมขึ้นมาปั่นด้วยขวาส่งบอลโค้งกลับเสาแรกสวยงาม ตีเสมอ 1-1 พร้อมการันตีจบที่ 2 กลุ่มบี กรีฑาทัพสู่เมืองหลวงของเยอรมัน 

แล้วรูปแบบการได้ประตูเหมือนรอบรองฯ เวิลด์ คัพ 2006 ต่างที่คราวนั้น อิตาลี นำเจ้าภาพ ‘อินทรีเหล็ก’ 1-0 ช่วงต่อเวลาพิเศษ แล้วโดนไล่นวดอย่างหนักถึงนาที 120 ทาง ‘อัซซูรี่’ ได้สวนกลับ บอลถึง อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ รอจังหวะจ่ายออกซ้ายให้ เดล ปิเอโร่ วิ่งสอดมาปั่นด้วยขวาส่งบอลโค้งกลับเสาแรกปิดกล่อง 2-0 

https://x.com/Borja_Pardo/status/1805364240015880594/video/1

ซึ่งทีมชุดนั้นของเฮดโค้ช มาร์เซโล่ ลิปปี้ ผ่านเข้าชิงฯยังกรุงเบอร์ลิน จนต่อยอดเป็นแชมป์โลกในที่สุด 

เวลาผ่านไป 18 ปี อิตาลี มาได้ประตูสำคัญนาทีทดเจ็บด้วยรูปแบบการยิงแทบจะเหมือนกัน แถมด่านต่อไปก็ยังเป็นกรุงเบอร์ลินเหมือนกันอีก จึงโดนเปรียบเทียบเป็นเรื่องปกติซึ่งดาวเตะจาก ลาซิโอ ก็อุทิศประตูของเขาแก่หนึ่งในต้นแบบลูกหนัง เดล ปิเอโร่ 

“‘อเล็กซ์’ คือฮีโร่ของผมเสมอ เคยมีโปสเตอร์ของแกติดในห้องนอนด้วย” ซัคคายี่ กล่าวกับ ‘ยูฟ่า ทีวี’

“ตอนจบเกมเมื่อคืนผมเพิ่งนึกออกว่าแกก็เคยทำประตูแบบเดียวกันนี้ใส่ทีมชาติเยอรมัน”

“ส่วนตัวแล้วนี่จะเป็นค่ำคืนที่ยากลืมเลือน มีความสุขกับประตูที่ทำได้เพราะช่วยเราผ่านเข้ารอบต่อไปฐานะลำดับสองกลุ่ม จากนี้จำเป็นต้องพักผ่อนเพื่อคิดถึงนัดหน้า”

“การพบกับ สวิตเซอร์แลนด์ แน่นอนว่าเราพยายามทำทุกๆวันให้ดีขึ้นตามที่โค้ชร้องขอ คู่แข่งรอบหน้าก็แข็งแกร่งมากๆ ได้เห็นพวกเขาเล่นมาแล้ว แต่ทั้งหมดที่คิดในหัวเวลานี้คือพักผ่อนและซ้อมทำการบ้านเต็มความสามารถก่อนนัดต่อไป” 

ประตูของ ซัคคายี่ เกิดนาที 97:19 ถือว่ามาช้าสุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติอิตาลี (เวลาปกติ) ในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป