การย้ายทีมเกิดจาก จู๊ด ต้องการโอกาสลงเล่นในระดับทีมชุดใหญ่ แต่ในทีมสเปอร์สเขายังเบียดขึ้นมาไม่ได้ และแม้จะทำผลงานได้ดีในพรีเมียร์ลีก ยู21 ด้วยการช่วยพาทีมคว้าแชมป์ โดยลงเล่นไปถึง 34 เกม ยิง 14 แอสซิสต์ 8 แต่ฤดูกาลนี้เขาก็ยังต้องเล่นในลีกยู-21 และถูกจับไปยืนเป็นปีกซ้าย

โบลตัน วันเดอร์เรอร์ และทีมอื่นๆ ในอังกฤษ ยื่นข้อเสนอขอยืมตัวไปใช้งาน โดย โบลตัน การันตีตำแหน่งตัวจริง แต่สัญญาของ จู๊ด เหลืออีกแค่ปีเดียว ดังนั้น สเปอร์ส จึงต้องการต่อสัญญากับ จู๊ด ก่อนถึงจะปล่อยให้ย้ายทีมแบบยืมตัวได้ แต่สัญญาฉบับใหม่ตกลงกันไม่ได้ ทำให้ จู๊ด ไม่ได้ย้ายทีมแบบยืมตัว

หลังจากนั้น กอร์โดบา ของสเปน ซึ่งมีมหาเศรษฐีในราชวงศ์ของบาห์เรนเข้ามาเทคโอเวอร์ทีม และเพิ่งเลื่อนชั้นจากลีกา 3 ขึ้นมาสู่ เซกุนด้า ดิวิชั่น (ลีกา2) ในฤดูกาลนี้ รู้ถึงสถานการณ์ของ จู๊ด และมีสเกาท์ติดตามฟอร์มมาก่อนแล้ว ตัดสินใจยื่นข้อเสนอมาเพื่อขอซื้อตัว จู๊ด ไปร่วมทีม โดยไม่มีการเปิดเผยค่าตัว แต่มี add ons เรื่องของผลงานในการลงสนาม หากผลงานดี สเปอร์ส จะได้ค่าตัวเพิ่ม และหาก กอร์โดบา ขาย จู๊ด ให้ทีมอื่นในอนาคต สเปอร์ส จะได้ส่วนแบ่ง Sell on clause 40% จากราคาขาย

การย้ายทีมครั้งนี้ ถือว่า Win-Win กันทุกฝ่าย เพราะ จู๊ด ก็จะมีโอกาสได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ตามเป้าหมายของตัวเอง กอร์โดบา ซึ่งเป็นทีมที่เคยโลดแล่นใน ลา ลีกา สเปนก็ได้นักเตะดีกรีเยาวชนทีมชาติอังกฤษทุกรุ่นไปร่วมทีมโดยที่โค้ช อีวาน อันย่า เป็นคนเลือก จู๊ด เอง ส่วน สเปอร์ส ก็มีโอกาสได้ส่วนแบ่งค่าตัวถึง 40% หากมีการย้ายทีมในอนาคต

วันนี้ จู๊ด จะไปตรวจร่างกายกับ กอร์โดบา ซึ่งคาดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งหลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้วก็จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสโมสรทันที ส่วนค่าตัวและระยะเวลาสัญญา ขอให้ทางสโมสร กอร์โดบา เป็นคนประกาศแล้วกันครับ