มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ยืนยันว่า เรอัล โซเซียดาด เป็นเหมือนชีวิตของตนเอง แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะพยายามทาบทามร่วมทีมก็ตาม
มาร์ติน ซูบีเมนดี้ มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนเปิดเผยเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจค้าแข้งกับ เรอัล โซเซียดาด ต่อไป หลังปฏิเสธโอกาสย้ายไปค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้ทีมหงส์แดงจะยินดีจ่ายค่าฉีกสัญญามูลค่า 60 ล้านยูโรของมิดฟิลด์วัย 25 ปีก็ตาม จากการเผยกับมาร์ก้าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
แฟนหงส์แดงหลายคนผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ของ ซูบีเมนดี้ และบางคนก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำ เมื่อถูกถามว่า เรอัล มาดริด มีความหมายอย่างไรสำหรับเขา มิดฟิลด์วัย 25 ปีตอบว่า 'ลา เรอัล สำหรับผมคือชีวิตของผม ผมคิดว่าผมใช้เวลาครึ่งชีวิตอยู่ที่นั่น หลายอย่างที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของ เรอัล มันคือชีวิตของผม'
เมื่อถูกถามว่าเพื่อนๆของเขาพูดอะไรกับเขาบ้างหลังจาก ลิเวอร์พูล ติดต่อมาและพวกเขาพยายามโน้มน้าวให้เขาอยู่กับสโมสรต่อไปหรือไม่
'ไม่, ไม่ เพื่อนๆของผมชัดเจนว่าไม่ว่าผมจะตัดสินใจอย่างไรจะเป็นสิ่งดีที่สุด ไม่มีแรงกดดันใดๆทั้งสิ้น' มิดฟิลด์วัย 25 ปีกล่าว
เรอัล โซเซียดาด ทำผลงานในช่วงออกสตาร์ทซีซั่นนี้ไม่ดีนัก หลัง มิเกล เมรีโน่ ย้ายไปค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล ก่อนการสูญเสีย อามารี ตราโอเร่ ที่บาดเจ็บจนต้องพักตลอดฤดูกาลนี้ ส่วน บราอีส เมนเดซ อีกหนึ่งแข้งสำคัญก็มีปัญหาบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ก่อนทัพ 'ลา เรอัล' จะเปิดบ้านรับมือ เรอัล มาดริด หลังช่วงเบรคทีมชาติ
ซูบีเมนดี้ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า 'มันเป็นเรื่องจริงที่ตอนนี้เรายังไม่ฟิตเต็มร้อย เรามีนักเตะใหม่ที่เพิ่งเข้ามาซ้อมกับเราไม่นานนัก นักเตะสำคัญคนหนึ่งย้ายออกไปแล้ว ทันทีที่เรากลับเข้าที่เข้าทาง ทุกอย่างก็จะดีขึ้น'
เรอัล โซเซียดาด ดึง ลูก้า ซูชิช มิดฟิลด์ชาวโครแอตมาจาก ซัลซ์บวร์ก ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ก่อนจะเซ็นสัญญาเพิ่มเติมกับ ออร์รี ออสคาร์สสัน และ นาเยฟ อาเกิร์ด ในช่วงท้ายๆของตลาดนักเตะ แม้ว่าจะเริ่มต้นซีซั่นไม่ดีนัก แต่เป้าหมายคือการทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลถัดไป
'นั่นเป็นปัญหา มันเป็นโปรเจ็กท์ที่ดำเนินมาหลายปีแล้ว เราเข้าสู่เวทียุโรปมา 5 ปีแล้ว และมีความต้องการสูงไม่เพียงแต่ในสโมสรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนด้วย ดังนั้นหวังว่าเราจะตอบสนองต่อความคาดหวังได้'
'การได้ไปเล่นในยุโรปเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน ยิ่งตำแหน่งสูงขึ้นเท่าไหร่ มันยิ่งดีเท่านั้น เราต้องมองหาเวอร์ชั่นดีที่สุดของเรา และเหนือสิ่งอื่นใดคือต้องแข่งขัน ทำให้แน่ใจว่าเราเป็นที่รู้จัก (ในสไตล์ของเรา) และเราถูกมองว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว'
