บิ๊กแมตช์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก นัดแรก ฝรั่งเศส ส่ง ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ปีกจาก บาเยิร์น มิวนิค ประเดิมทีมชาติในฐานะตัวจริงร่วมกับ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ ส่วน อิตาลี วาง มาเตโอ เรเตกี ยืนหน้าเป้า

เริ่มเกมมาไม่ถึง 15 วินาที ฝรั่งเศส ออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็วจากความขยันของ บราดเล่ย์ บาร์โกล่า ที่วิ่งไล่บอลจนฉกบอลจากแนวรับอิตาลีเข้าไปล่อเป้าในเขตโทษยิงแสกหน้า จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ไม่เหลือซาก

อิตาลี เกือบตีเสมอได้ในนาทีที่ 9 อันเดรีย คัมเบียโซ่ มีจังหวะโหม่งชงให้ ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่ 

 ได้โหม่งเน้นๆ ทว่าชนคานอย่างจัง บอลเด้งเข้าทาง มาเตโอ เรเตกี ได้โหม่งซ้ำแต่ก็ข้ามคานไปอีก

ไมเคิ่ล โอลิเซ่ มีโอกาสลุ้นบ้างในนาที 11 เมื่อรับบอลจาก เอ็มบั๊ปเป้ ก่อนกดด้วยขวาเต็มข้อจากหน้าเขตโทษ แต่บอลไม่ห่างตัว ดอนนารุมม่า ทำให้รับเข้าซองเอาไว้ได้

นาที 30 อิตาลี ตามตีเสมอ 1-1 จนได้จากการเข้าทำอันสุดยอดของ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก ที่ชิ่งบอลกับ ซานโดร โตนาลี่ ก่อนตามเข้าเขตโทษไปวอลเลย์ด้วยซ้ายแบบไม่ต้องจับ บอลพุ่งวาบเสียบเสาไกลงามหยด

ครึ่งหลังกลับเป็น อิตาลี ที่แซงนำ 2-1 ในนาที 51 ฝรั่งเศส เสียบอลกลางสนาม อิตาลี จึงโต้ทันที มาเตโอ เรเตกี หลุดขึ้นทางขวาก่อนเปิดไปให้ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ชาร์จในเขตโทษเข้าไปอย่างเด็ดขาด

ฝรั่งเศส พยายามตามตีเสมอให้ได้ แต่กลายเป็นว่าโดน อิตาลี หนีเป็น 3-1 ในนาที 74 จ่ายบอลให้ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ แตะจังหวะแรกเข้าเขตโทษก่อนหนี วิลเลียม ซาลีบา แล้วกดด้วยขวาเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม

อีก 3 นาทีถัดมา ฝรั่งเศส เกือบได้เมื่อ อองตวน กรีซมันน์ เก็บบอลได้หน้าเขตโทษก่อนปั่นด้วยซ้ายลูกถนัดพ บอลโค้งหนีมือ ดอนนารุมม่า ได้แล้ว แต่เฉียดเสาไกลออกหลังไปนิดเดียว

ช่วงเวลาที่เหลือ ฝรั่งเศส ไม่สามารถทำอะไรได้อีก ทำให้จบเกมเป็น อิตาลี ที่เค้นฟอร์มเก่งบุกชนะได้ถึง 3-1