โดย โพลล์ ฐานะคอลัมนิสต์ของ 'เดลี่ เมล' ยกตัวอยากจากเกมนัดสุดท้ายกลุ่ม บี ที่ โปรตุเกส เสมอ อิหร่าน 1-1 ว่าเป็นกรณีศึกษาอย่างดีสำหรับฟีฟ่านำไปปรับปรุง 

"วีเออาร์ ได้รับการทดสอบว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างแท้จริงในเกม โปรตุเกส-อิหร่าน จนมันสร้างปัญหาให้กับผู้ตัดสิน เอ็นรีเก้ กาเซเรส มากกว่าได้ความกระจ่างจากจังหวะปัญหา" 

โรนัลโด้ รอดตัวโดนแค่ใบเหลือง

"ผู้เล่นทั้งสองทีมต่างกดดันให้รีวิวในเกือบทุกจังหวะ, จุดโทษแจกถึง 2 หน และ โรนัลโด้ รอดโทษไล่ออกโดนแค่ใบเหลือง" 

"ฟีฟ่าจำเป็นต้องลงมาประเมินแมตช์นี้อย่างเร่งด่วน แล้วช่วยออกมาให้ความชัดเจนต่อสาธารณชนเกี่ยวกับการตัดสินด้วย วีเออาร์ ไม่ใช่ผลักภาระแก่เชิ้ตดำในแมตช์นั้นๆต้องเป็นกระโถน"

ลำดับต่อไป โพลล์ พูดถึงสามเหตุการณ์ซึ่งเรียกดู วีเออาร์ ทั้งจุดโทษของโปรตุเกส, โรนัลโด้ เล่นนอกเกม และจุดโทษทดเจ็บที่ อิหร่านได้

"วีเออาร์ ตัดสินจังหวะแรก (จุดโทษโปรตุเกส) ถูกต้องที่ โรนัลโด้ ถูกทำฟาวล์ในกรอบ, ต่อมาหากเป็นผมจะยังให้เสาหลักโปรตุกีสอยู่ในสนามต่อไปแม้จะโดนจับภาพว่าอัดคู่แข่งที่ใบหน้า แต่ทั้งนี้ดุลยพินิจของผู้ตัดสินต่างกัน ดังนั้น คริสเตียโน่ จึงไม่สมควรเล่นแบบนั้น"

เปา กาเซเรส โดนกดดันจากนักเตะตลอดให้เรียกดู วีเออาร์

"ส่วนการเรียกดูหนสุดท้ายเพราะผู้ตัดสินลังเลจังหวะบอลไปโดนแขนนักเตะ โปรตุเกส ในกรอบเขตโทษ แน่นอนเมื่อวีเออาร์ทำงานมันก็มีสองทางเลือกระหว่างแฮนด์บอลกับไม่ชัดเจนพอ" 

อนึ่งในฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2018 มีการแจกจุดโทษรวมแล้ว 19 ครั้ง ตั้งแต่ยังไม่จบรอบแบ่งกลุ่ม มากสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่แข่งขันมา 20 หนก่อนนี้