เจมส์ เคยเล่นให้ ฮีต 4 ปีระหว่าง 2010-2014 เข้าชิงฯเอ็นบีเอทั้งหมด กดแชมป์มา 2 สมัย โดยผู้บริหารงานยุคนั้นก็คือ ไรลี่ย์ ส่วนเฮดโค้ชสกุล สโปลส์ทรา 

กระทั่งปฏิทินผ่านเข้าเอ็นบีเอ ไฟนัลส์ 2020 ตามวัฏจักร ฮีต สมควรทรุดลงแล้ว ทว่าสิ่งที่เห็นคือกำลังจะดีวันดีคืน ดังนั้นเครดิตทั้งหมดต้องยกให้บุคลากรทั้งสองท่านซึ่งเขายังเคารพเสมอ 

"การเผชิญหน้า ฮีต ในรอบชิงแชมป์ เอ็นบีเอ มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรพิเศษสำหรับผม เพราะเจอใครที่ผ่านมามาถึงตรงนี้ก็ยากทั้งสิ้น" เจมส์ กล่าวกับ 'สเป็คตรัม สปอร์ตส์ เน็ตเวิร์ก' 

https://twitter.com/SpectrumSN/status/1311164854061821952

เลอบรอนรู้พิษสง ฮีต

"พูดถึงตอนผมเล่นที่ ฮีต ทุกคนก็จะเอาแต่พูดว่า - ที่เราประสบความสำเร็จเพราะรวมดาวอย่าง เลอบรอน, พวกคุณมี ดเวย์น เหวด, พวกคุณมี คริส บอช โค้ชคนไหนมาคุมก็แชมป์ - แต่บอกเลยไม่จริง ใช่ว่าใครคุมก็ได้"

"หากเหมาว่าโค้ชคนไหนคุมก็แชมป์ อย่างนั้นมันคงมีจำนวนทีมแชมป์อีกมากมายในลีกนี้, มีโค้ชอีกหลายท่านเคยไปถึงจุดสูงสุดของความสำเร็จ" 

"ซึ่ง 'สโป' โดนมองแบบไม่ให้เครดิตมาตลอด แล้วนั่นคือเชื้อไฟให้เขาอยากพิสูจน์ให้คนที่ไม่นับถือตัวคุณในวงการบาสฯได้เห็นดี" 

"แล้วผมคงไม่ได้มานั่งจ้อตรงนี้เหมือนไม่รู้จัก 'สโป' มาก่อน เพราะต่อให้แกยังไม่ได้ระดับขึ้นหิ้ง แต่ก็เก่งสุดๆ ... โดยเฉพาะเรื่องทำการบ้านเรียกว่าค้นคว้าหนักเหมือนการแข่งขันเกมวันนั้นคือนัดสุดท้ายของชีวิต แล้วเขาทำมันในทุกๆแมตช์ ฐานะลูกน้องเก่าทราบดี"   

สโปลส์ทรา โดนผลักดันจากผู้ช่วยเฮดโค้ช มาเป็นเบอร์ 1 ของ ฮีต เมื่อปี 2008 โดยรับไม้ผลัดจาก ไรลี่ย์ ลูกพี่เก่าซึ่งผันตัวเป็นดูแลภาพรวมด้านงานบริหารฐานะปธ.บาสฯ