ขุมกำลังแบ็คคอร์ทที่น่าจับตาก่อนเปิดซีซั่น2020-21
5. จอห์น วอลล์ กับ เจมส์ ฮาร์เด้น แห่ง ฮิวสตัน ร็อคเก็ตส์
มองตามหน้ากระดาษหากคู่นี้ได้เล่นร่วมกันจริงๆต้องบอกว่าเป็นแบ็คคอร์ทที่น่าจะทำแต้มถล่มทลาย น่าเสียดายเจ้า ฮาร์เด้น เกิดไม่อยากอยู่ในถิ่น โตโยต้า เซนเตอร์ ต่อไป วิ่งเต้นเทรดหนีเช้ายันเย็น
แต่กรณีทั้งคู่คงสถานะทีมเมตได้อย่างน้อยสักซีซั่น คาดว่าเราจะได้เห็นการเล่นแบบว่องไวกระชับกระเฉงจากสองการ์ดดีกรีออล-สตาร์สองคนนี้
มองถึงประวัติการมีทีมเมตเป็นการ์ดจ่ายฝีมือดีของ ฮาร์เด้น ทั้ง รัสเซลล์ เวสต์บรู้ก ที่เผ่นออกไป วอชิงตัน วิเซิร์ดส์ แล้ว หรือก่อนนั้นเป็น คริส พอล บทบาทตัวถือบอลสลับกันขึ้นเกม ดังนั้นกรณีของ วอลล์ ก็ไม่น่าต่างกัน
ด้านเกมบุกไม่ห่วงสำหรับคู่ วอลล์ - ฮาร์เด้น แถมมีเฮดโค้ชใหม่ สตีเฟ่น ไซลาส เต้ยด้านเขียนแผนรุกเครดิตติดตัวจากทีมเก่า ดัลลัส แมฟเวอริคส์
แต่เรื่องเกมป้องกันมีคำถามต่อผู้มาใหม่ว่าเหลือสภาพแค่ไหนเพราะพักมาเกือบสองฤดูกาลเพื่อฟื้นหลังผ่าตัดเอ็นร้อยหวาย
ถ้าการ์ดวัย 30 ปีสามารถเรียกผลงานเก่าๆเมื่อครั้งอยู่กับ วิเซิร์ดส์ ผสานประสบการณ์ที่มากขึ้น ก็น่าจะทำให้การเล่นป้องกันมีประสิทธิภาพเพราะ ฮาร์เด้น พิสูจน์ไปเมื่อซีซั่นก่อนว่าเหนียวใช้ได้
4. รัสเซลล์ เวสต์บรู้ก กับ แบร้ดลี่ย์ บีล แห่ง วอชิงตัน วิเซิร์ดส์
เวสต์บรู้ก โดนเทรดจาก ฮิวสตัน ร็อคเก็ตส์ แลกกับ จอห์น วอลล์ นั่นทำให้เอ็มวีพีปี 2017 มีโอกาสมาประสานงาน แบ้ดลี่ย์ บีล ชู้ตติ้งการ์ดที่ซี้กันตั้งแต่เล่นออล-สตาร์หลายปีก่อน
ตลอดสองปีที่ผ่านมา บีล ก้าวมาเป็นการ์ดทู-เวย์ที่ทั้งปั้น ทั้งทำคะแนนเองเพราะคู่ขาอย่าง วอลล์ เดี้ยงอยู่เนืองๆ
แต่การได้ประสานงาน ‘รัสส์’ คงทำให้ภาระเบาลงทั้งเรื่องทำคะแนน, ช่วยรีบาวน์ด หรือแอสซิสต์ราว 7 ครั้ง-ต่อ-เกม
เมื่อมีคนปั้นแล้ว บีล ก็สามารถโฟกัสเรื่องทำคะแนน, ยิงไกลเปิดโซนคู่แข่ง และป้องกันแบ็คคอร์ทเป็นหลัก
3. เคมบ้า วอล์คเกอร์, เจย์เลน บราวน์ และ มาร์คัส สมาร์ท แห่ง บอสตัน เซลติคส์
วอล์คเกอร์ อาจพลาดลงสนามช่วงแรกของฤดูกาลใหม่เพราะปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ทั้งนี้เราไม่สามารถละเลยผลงานของเขาในปีแรกที่ประสานกับ บราวน์ แล้วลงตัวมากแต้มเฉลี่ยรวมกัน 40.7 คะแนน, เจ็ดแอสซิสต์ และสองสตีล ยิงระยะไกลแม่น 38% พาทีมฝ่าฟันถึงรอบชิงฯ ฝั่งตะวันออก
นอกจากนั้นก็ยังมี มาร์คัส สมาร์ท แบ็คคอร์ทอเนกประสงค์ที่เป็นได้ทุกอย่างทั้งมือปืน 3-คะแนน, ตัวป้องกันแบ็คคอร์ท หรือเพลย์เมกเกอร์
กรณีทั้งสามคนเล่นพร้อมกัน วอล์คเกอร์ รับบทการ์ดจ่าย, สมาร์ท เล่นฐานะตัวอิสระสลับได้ตามหน้างาน และ บราวน์ เน้นทำแต้มเต็มที่
ภาพรวมอาจดูไม่เซ็กซี่ แต่สมดุลและประสิทธิภาพของทั้งสามการ์ด เมื่อประสานร่วมกันเข้าปีที่สอง เคมีน่าจะกลมกล่อมขึ้นอีก
2. เดเมี่ยน ลิลเลิร์ด กับ ซี.เจ. แม็คคอลลั่ม แห่ง ปอร์ทแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส
‘แดม’ กับ ‘ซีเจ’ สร้างมาตรฐานสูงส่งสำหรับคู่ขาแบ็คคอร์ทการ์ดจ่าย-ชู้ตติ้งการ์ดตามขนบ ดัวยส่วนสัด 6 ฟุต- 2 นิ้ว กับ 6 ฟุต- 3 นิ้ว ตามลำดับ
ภาพรวมผลงานตั้งแต่ซีซั่น 2016-17 เป็นต้นมาคู่นี้ทำเฉลี่ย 49 คะแนน, 11 แอสซิสต์และสองสตีล-ต่อ-เกม ยิงสามคะแนนแม่น 39%
ฝีไม้ลายมือเมื่อเข้าเพลย์ออฟก็เจนจัดขึ้นเรื่อยๆ อย่าง ลิลเลิร์ด วัย 30 ปียิงปลิดวิญญาณพร้อมสัญญาณหมดเวลาให้ทีมชนะซีรี่ส์ไปแล้วสองครั้งอาชีพ โดยมี 1 จาก 2 เกมนั้นกดระดับ 50 แต้ม
ด้าน แม็คคอลลั่ม อาจไม่หวือหวาเท่า แต่ตลอดอาชีพกดอย่างต่ำ 35 คะแนนในเพลย์ออฟไปถึงห้าหน
1. คริส พอล กับ เดวิ่น บูเกอร์ แห่ง ฟีนิกซ์ ซันส์
พอล ซึ่งได้ชื่อว่าการ์ดจ่ายสไตล์ดั้งเดิมดีสุดตลอดกาลคนหนึ่งในลีกเวลานี้โดนเทรดมาผนึกกำลัง บูเกอร์ แบ็คคอร์ทหนุ่มผู้ทำแต้มอย่างเมามันส์ แค่คิดภาพตามก็ระเบิดระเบ้อมากๆ
แม้ ‘ซีพี 3’ จ่ออายุ 36 ในเดือนพ.ค.ปีหน้า แต่ฟอร์มเมื่อซีซั่นก่อนกับ โอกลาโฮม่า ซิตี้ ธันเดอร์ แสดงให้เห็นว่ายังเหลือทีเด็ดอีกเยอะทั้งทักษะการขึ้นเกมหรือจัมพ์ชู้ตระยะกลาง-ระยะไกล ไหนจะแอสซิสต์ระดับสองหลักต่อเกมอีก
เมื่อมีคนปั้นเก่งๆ บูเกอร์ ก็ลุ้นแต้มได้มากกว่าเดิมเพราะขนาดปีก่อนมีแม่ทัพเป็น ริคกี้ รูบิโอ ซึ่งฝีมือด้อยกว่า พอล ทางการ์ดวัย 24 ปียังกดเฉลี่ย 26.6 แต้ม จนติดออล-สตาร์หนแรกอาชีพ
หน้าประวัติศาสตร์การทำ 70 คะแนนในเกมเดียวอาจย้อนกลับมาฉายหลังจาก บูเกอร์ ทำไว้เมื่อสี่ปีก่อน
การ์ดคู่อื่นที่น่าสนใจ : คายล์ ลาวรี่ กับ เฟร็ด ฟาน ฟลีต แห่ง โตรอนโต แรปเตอร์ส, ลูก้า ดอนซิช กับ จอช ริเชิร์ดสัน แห่ง ดัลลัส แมฟเวอริคส์
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT