:::     :::

จากกันด้วย(ไม่)ดี

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2561 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
4,366
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อันโตนิโอ คอนเต้ ถูกไล่ออกไปเมื่อวันศุกร์ หนึ่งวันให้หลัง เชลซี ก็ประกาศแต่งตั้ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ เป็นกุนซือคนใหม่อย่างเป็นทางการ

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสื่อ, แฟนบอล และ คอนเต้ รวมถึงทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช เพราะมีแนวโน้มที่ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซีย จะเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่ตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลที่ผ่านมาแล้ว

เพียงแต่...คำถามอยู่ที่ว่า ทำไมถึงเพิ่งมาไล่ออกเอาป่านนี้?
หลายคนที่ติดตามข่าวสารแบบรายวันอยู่ คงทราบดีว่าเหตุผลหลักๆ อยู่ที่ค่าชดเชยของ คอนเต้ ที่ยังเหลือสัญญาอยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีก 1 ปี และค่าฉีกสัญญาของกุนซือเป้าหมายอันดับ 1 เมาริซิโอ ซาร์รี่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ อบราโมวิช และบอร์ดบริหาร สามารถตัดสินใจทำได้เลยคือการเจรจาค่าชดเชยกับ คอนเต้ และแยกทางกันก่อนเป็นอันดับแรก แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
คอนเต้ และสต๊าฟฟ์โค้ช ต้องจำใจนำลูกทีม (ที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก) รายงานตัวตรวจเช็กร่างกายและลงซ้อมกันเป็นวันแรกตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม เพราะทราบดีว่าถึงอย่างไรแล้วไม่น่าจะเป็นคนนำทีมบินไปเก็บตัวอุ่นเครื่องนัดแรกที่ประเทศออสเตรเลียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

คอนเต้ ต้องคุมทีมซ้อมแบบจำใจ

ในมุมมองของ คอนเต้ นี่คือเรื่องที่ เชลซี ปฏิบัติต่อกันแบบไม่ให้เกียรติ
จากผลงานอันยอดเยี่ยมในฤดูกาลแรกที่ คอนเต้ มาคุมทีมปุ๊บ ก็พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปั๊บในฤดูกาล 2016-17 แต่เจออาถรรพ์ซีซั่นสองเข้าไปจนกระเด็นไปจบอันดับ 5 แม้มีถ้วยเอฟเอคัพได้ฉลองติดมือ แต่ที่เสียหายที่สุดคือการพลาดตั๋วลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า
ขณะที่มุมของ อบราโมวิช แม้ต้องยอมจ่ายค่าชดเชยปีสุดท้ายให้ คอนเต้ 9 ล้านปอนด์ แต่ 'เสี่ยหมี' คือผู้ชนะในครั้งนี้ เพราะสามารถกันทีมอื่นๆ ที่เคยให้ความสนใจอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง หรือทีมชาติอิตาลี ไม่ให้มาดึงตัวไปตั้งแต่ช่วงฤดูกาลปิด

แชมป์พรีเมียร์ลีกในช่วงเวลาที่แสนหวานชื่น

แชมป์เอฟเอคัพที่ไร้ความหมาย

นี่คือแถลงการณ์จากทางสโมสรที่ประหยัดถ้อยความเพียงแค่ 61 คำ (ภาษาอังกฤษ) เท่านั้นระบุว่า "สโมสรฟุตบอล เชลซี ได้แยกทางกับ อันโตนิโอ คอนเต้ แล้ว"
"ระหว่างที่ อันโตนิโอ คุมทีม เราคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 6 และแชมป์เอฟเอคัพสมัยที่่ 8 และในฤดูกาลที่เราคว้าแชมป์ยังสร้างสถิติชนะ 30 จาก 38 นัดในพรีเมียร์ลีก รวมถึงชัยชนะในลีก 13 นัดติดด้วย"
"เราขออวยพรให้ อันโตนิโอ ประสบความสำเร็จในอาชีพต่อไปในอนาคต"
คอนเต้ ไม่ใช่คนแรกที่ถูก อบราโมวิช ปฏิบัติแบบไม่ให้เกียรติ เพราะก่อนหน้านี้ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เคยคุมทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2004-05 และ 2005-06 แต่พอพลาดแชมป์ในซีซั่นต่อไป มีเพียงเอฟเอคัพติดมือ ก็ถูกปลดในช่วงต้นซีซั่นถัดมา

ไอ้น้องเอ้ย! พี่เคยเจ็บมาก่อน

คาร์โล อันเชล็อตติ เคยคว้าดับเบิลแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2009-10 แต่พอซีซั่นถัดมาจบมือเปล่า ก็โดนปลด เช่นเดียวกับ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่พาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2011-12 ก็ถูกไล่ออกในช่วงกลางฤดูกาลต่อมา
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น นับตั้งแต่ อบราโมวิช เทกโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2003

เปิดตัว เมาริซิโอ ซาร์รี่ ในวันเสาร์

หลังจากแถลงปลด คอนเต้ ไปเมื่อวันศุกร์ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนก็ถูกแต่งตั้งทันทีในวันเสาร์ กลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 9 (ไม่นับรวมผู้จัดการทีมชั่วคราว) ในยุค อบราโมวิช หลังจาก เอาเรลิโอ เด เลาเรนติส เจ้าของทีมดังอิตาลียืนยันการปล่อยตัวให้ เชลซี พร้อมๆ กับ จอร์จินโญ่ กองกลางตัวหลักของทีม
แม้ คอนเต้ จะจากกันด้วย (ไม่) ดีกับ อบราโมวิช แต่นี่คือวิถีทางของสโมสรฟุตบอล หากคุณจบฤดูกาลตามเป้าหมาย (4 อันดับแรก) ไม่ได้ ก็ต้องยอมจากไป ไม่ต่างอะไรกับตำนานผู้จัดการทีมอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด