ครั้งหนึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยยกย่อง 'แชมเปี้ยนชิพ' ว่าเป็นลีกรองที่ดีที่สุดในโลก และกุนซือคนอื่นๆ ก็คงไม่มีใครเห็นต่าง
ว่ากันว่า หาก 'แชมเปี้ยนชิพ' มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีไปยังทีมชาติ 'บ้านพี่เมืองน้อง' ของอังกฤษ ทั้ง เวลส์, สกอตแลนด์, ไอร์แลนด์เหนือ และ ไอร์แลนด์ ขณะเดียวกัน หากทีมชาติทั้ง 4 ไปได้สวยในเวทีต่างๆ ก็ส่งเสียงสะท้อนกลับมายังลีกรองของอังกฤษเยอะขึ้นทีเดียว
ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เวลส์ กับ ไอร์แลนด์เหนือ เคยตกต่ำสุดๆ กลายเป็นทีมเกรดล่างๆ ในรอบคัดเลือกทั้งฟุตบอลโลก และยูโร ชนิดที่ต้องส่งแมวมองไปเสาะหาเด็กๆ จากอคาเดมี่ของสโมสรใหญ่ๆ ในพรีเมียร์ลีก มาติดทีมชาติชุดใหญ่ เพราะตัวเลือกที่มีไม่เพียงพอต่อการสร้างทีม
แต่ปัจจุบัน สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป นักเตะดาวรุ่งหลายต่อหลายคนสามารถเลือกเล่นได้มากกว่า 1 ชาติ นั่นจึงเป็นงานที่ เวลส์, สกอตแลนด์, ไอร์แลนด์เหนือ และ ไอร์แลนด์ ต้องต่อกรกับ อังกฤษ ชาติใหญ่ที่มักจะเป็นตัวเลือกแรกในใจของนักเตะเสมอ
และตลาดใหญ่ที่สุดที่ต้องลงมือเสาะหา นั่นก็คือ 'แชมเปี้ยนชิพ'
เวลส์
คริส โคลแมน เคยสร้างปรากฏการณ์พา เวลส์ ไปถึงรอบรองชนะเลิศ ยูโร 2016 แต่ปัญหาสำคัญคือการไม่มีตัวเลือกที่ดีที่พร้อมเข้ามาทดแทนสิบเอ็ดตัวจริง ทำให้ มังกรแดง ล้มเหลวในรอบคัดเลือก เวิลด์คัพ 2018
ไรอัน กิ๊กส์ เข้ามาสานต่อ และสร้างทีมด้วยสายเลือดใหม่จาก 'แชมเปี้ยนชิพ' ที่นำโดยแนวรุก แฮร์รี่ วิลสัน ปีก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ (ยืมจาก ลิเวอร์พูล), ทอม ลอว์เรนซ์ กองหน้า ดาร์บี้ เช่นกัน, เบน วูดเบิร์น ตัวรุก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (ยืมจาก ลิเวอร์พูล), ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์ กองหน้า ลีดส์ โดยมีกัปตัน แกเร็ธ เบล คอยประคอง
แดนกลางชุดนี้ยังมี โจ เลดลี่ย์ จาก ดาร์บี้ และ โจ อัลเลน จาก สโต๊ค เป็นแกนหลัก ส่วนแนวรับก็มี คริส กันเทอร์ จาก เร้ดดิ้ง, เจมส์ เชสเตอร์ จาก แอสตัน วิลล่า, คริส เมแพม จาก เบรนท์ฟอร์ด, คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ จาก สวอนซี และตัวเก๋า แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ จาก สโต๊ค (ยืมจาก เอฟเวอร์ตัน) ก็ยังไม่รีไทร์
ตัวเลือกอื่นๆ ที่ยังต้องจับตามองอยู่ตลอดก็มี โจ โรดอน กองหลัง สวอนซี, ลี อีแวนส์ กองกลาง วีแกน แอธเลติก, เอเมียร์ ฮิวส์ กองกลาง อิปสวิช, มาร์ลี่ย์ วัตกิ้นส์ ปีก บริสตอล ซิตี้, ทอม แบร๊ดชอว์ กองหน้า มิลล์วอลล์, บิลลี่ โบดิน ตัวรุก เปรสตัน, เดแคลน จอห์น แบ็กซ้าย สวอนซี เป็นต้น
สกอตแลนด์
อเล็กซ์ แม็คลีช เรียกนักเตะจาก 'แชมเปี้ยนชิพ' มาติดทีมในเดือนนี้เพียง 3 คนคือ จอร์แดน อาร์เชอร์ ผู้รักษาประตู มิลล์วอลล์, ชาร์ลี มัลกรูว์ กองหลัง แบล็คเบิร์น และ จอห์น แม็คกินน์ มิดฟิลด์ แอสตัน วิลล่า แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังต้องเกาะติดดูฝีเท้าต่อไป
ตัวเก๋าอย่าง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ กองกลาง สโต๊ค, เจมส์ มอร์ริสัน มิดฟิลด์ เวสต์บรอมวิช, สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ กองหน้า เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ยังคงไม่อำลาทีมชาติ
รวมถึง แม็ตต์ ฟิลลิปส์ ปีก เวสต์บรอมวิช, โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ กองหน้า สวอนซี, แบร์รี่ แบนแนน กองกลาง เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, แบร์รี่ ดั๊กลาส แบ็กซ้าย กับ เลียม คูเปอร์ เซนเตอร์แบ็ก สองแข้ง ลีดส์, แกรนท์ แฮนลี่ย์ กองหลัง นอริช, อีเคชี่ อันย่า สารพัดประโยชน์จาก ดาร์บี้ ก็ยังอยู่ในข่ายอาจกลับมาติดทีมอีกครั้ง
ไอร์แลนด์เหนือ
ไมเคิ่ล โอนีล สร้างทีมจากนักเตะที่กระดูกอ่อนที่สุดในบรรดา 4 ชาติ แต่กลับไปได้ไกลถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2016 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ โดยไปแพ้ต่อ เวลส์ นั่นเอง
โอนีล ต้องทำงานหนักในการสร้างทีมใหม่ และการจะหานักเตะสายเลือดแท้ๆ สักคนไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับการต่อกรแย่งชิงนักเตะที่อยู่ในข่ายกับ อังกฤษ หรือ ไอร์แลนด์ เห็นได้จากการที่ อารอน ฮิวจ์ส กับ แกเร็ธ แม็คคอลี่ย์ ยังติดทีมชุดนี้ในวัย 38 ปีทั้งคู่
เพชรเม็ดงามที่ โอนีล ได้จากการปลุกปั้นของ ลีดส์ นั่นคือผู้รักษาประตูมือ 1 คนใหม่ เบลี่ย์ พีค็อก-แฟร์เรลล์ เช่นเดียวกับ จามาล ลูอิส แบ็กซ้าย นอริช และ จอร์จ ซาวิลล์ กองกลาง มิดเดิลสโบรช์ ที่เข้ามาเติมเต็มนักเตะรุ่นเก่าได้เป็นอย่างดี
ส่วนตัวหลักคนอื่นๆ ก็ยังคงมาจาก 'แชมเปี้ยนชิพ' ไม่ว่าจะเป็น วิลล์ กริกก์ กองหน้า วีแกน, แพ็ดดี้ แม็คแนร์ กองกลาง มิดเดิลสโบรช์, เชน เฟอร์กูสัน ปีก มิลล์วอลล์, คอร์รี่ อีแวนส์ กองกลาง แบล็คเบิร์น, จอช มาเจนนิส ศูนย์หน้า โบลตัน, โอลิเวอร์ นอร์วูด มิดฟิลด์ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, คอเนอร์ แม็คลาฟลิน แบ็กขวา มิลล์วอลล์, สจ๊วร์ต ดัลลาส ตัวรุก ลีดส์, คอเนอร์ วอชิงตัน กองหน้า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ไอร์แลนด์
มาร์ติน โอนีล เป็นกุนซืออีกคนที่ต้องปวดหัวกับการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ หลังจากตกรอบเพลย์ออฟ คัดเลือก ฟุตบอลโลก 2018 เมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยการแพ้ต่อ เดนมาร์ก แบบหมดรูป
เกินครึ่งของทีมชุดล่าสุดที่บุกเสมอ โปแลนด์ 1-1 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มาจาก 'แชมเปี้ยนชิพ' โดยประตูที่เกิดขึ้นได้มาจาก คัลลัม โอดาวดา ปีกจาก บริสตอล ซิตี้ ครอสให้ ไอเดน โอเบรียน กองหน้าจาก มิลล์วอลล์ โหม่งประตูแรกในเกมประเดิมทีมชาติ
ถือเป็นสัญญาณที่ดีของทีมยักษ์เขียว เพราะนอกจาก โอดาวดา กับ โอเบรียน สองแข้งจาก 'แชมเปี้ยนชิพ' ที่ได้ลงตัวจริงแล้ว ยังมี คัลลัม โรบินสัน กองหน้า เปรสตัน, เอ็นดา สตีเว่นส์ แบ็กซ้าย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, ชอน วิลเลียมส์ กองกลาง มิลล์วอลล์, จอห์น เอแกน กองหลัง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, ริชาร์ด คีโอห์ เซนเตอร์แบ็ก ดาร์บี้ และ ดาร์เรน แรนดอล์ฟ ผู้รักษาประตู มิดเดิลสโบรช์ ที่ได้ออกสตาร์ตด้วย
และหากทีมของ โอนีล สมบูรณ์พร้อม ก็จะมี เจมส์ แม็คเคลน ปีก สโต๊ค, อลัน บราวน์ กองกลาง เปรสตัน และ จอน วอลเตอร์ส กองหน้า อิปสวิช ที่เพิ่งคัมแบ็กทีมชาติ กลับมาเป็นตัวเลือก
เชื่อว่า หาก 'แชมเปี้ยนชิพ' ยังคงเป็นลีกรองที่แข็งแกร่งแบบนี้ ทั้ง เวลส์, สกอตแลนด์, ไอร์แลนด์เหนือ และ ไอร์แลนด์ ก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย และอาจกลับมามีส่วนร่วมในเวทีใหญ่อย่าง ยูโร 2020 หรือ เวิลด์คัพ 2022 ได้อีกครั้ง