ประตูชัยของ แฮร์รี่ เคน อาจกลบเสียงโห่จากแฟนๆ ลงได้ แต่นั่นไม่อาจหยุดเสียงวิจารณ์ที่ตามมาหลังจบเกม
ตั๋วใบนี้เป็นการส่ง อังกฤษ เข้าสู่รอบสุดท้าย เวิลด์คัพ สมัยที่ 6 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ตกรอบคัดเลือก ปี 1994 และ 'ทรี ไลออนส์' ก็จะบินไป รัสเซีย พร้อมเครื่องหมายคำถามว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะพาทีมไปได้ไกลแค่ไหน
จากเกมที่ชนะ สโลวีเนีย 1-0 ได้มองเห็นปัญหาหลายอย่างตั้งแต่ครึ่งแรก ที่ไม่ได้รับการแก้ไขเลยในครึ่งหลัง แต่บางทีอาจเป็นเพราะ เซาธ์เกต สนใจแต่ผลการแข่งขันเพียงอย่างเดียว
ผลการแข่งขันที่ว่า ไม่ใช่ชัยชนะ หากแต่เป็นสกอร์ 0-0 ที่จะส่งพวกเขาเข้ารอบสุดท้ายเช่นกัน หาก สโลวาเกีย บุกชนะที่ สกอตแลนด์ ไม่ได้
การส่ง ไมเคิ่ล คีน เซนเตอร์ฮาล์ฟ ลงไปแทน ราฮีม สเตอร์ลิง ตัวรุก ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย อาจเป็นเรื่องเข้าใจไม่ยาก แต่ด้วยสกอร์ที่ยัง 0-0 จึงเป็นธรรมดาที่จะมีเสียงโห่ระงมเกิดขึ้นที่ เวมบลีย์
จริงอยู่ เซาธ์เกต บรรลุเป้าหมายแรกกับ สมาคมฟุตบอล
แต่สำหรับแฟนบอล สิงโตคำราม แล้ว ยังมีอะไรมากกว่านั้น เพราะการเล่นในบ้านเจอกับคู่แข่งอ่อนชั้นกว่าอย่าง สโลวีเนีย
ไม่ว่าเงื่อนไขต่างๆ จะเป็นอย่างไร "ต้องชนะอย่างมีสไตล์"
ทีนี้มาดูว่าอะไรที่ยังเป็นจุดบกพร่องจากทีมชุดที่ลงเล่นเกมเมื่อวันพฤหัสบดี
การต่อบอล
คู่กองกลางเกมนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ เอริค ดายเออร์ แบ่งหน้าที่กันทำงานได้ดี ทั้งลงไปช่วยคู่เซนเตอร์ และสนับสนุนเกมรุก
แต่ที่น่าหงุดหงิดคือเรื่องการผ่านบอล เพราะเกมนี้ อังกฤษ ครองบอลมากกว่าถึง 67 เปอร์เซนต์ แต่หลายครั้งที่บอลตรงกลางสนามต้องถูกถ่ายกลับไปให้คู่เซนเตอร์แบบไม่จำเป็น
ทั้ง เฮนโด้ และ ดายเออร์ แทบไม่มีใครกล้าเปลี่ยนบอลข้ามฟากไปหาปีกหรือฟูลแบ็ก หรือบางครั้งจำเป็นต้องออกบอลเท้าซ้าย ก็ยังฝืนเล่นเท้าขวา พูดง่ายๆ "ซ้ายไม่กระดิก" กันทั้งคู่
เหลือบไปมองที่ข้างสนาม เห็นชื่อ เจค ลิเวอร์มอร์ กับ แฮร์รี่ วิงส์ ก็น่าจะไม่ต่างกัน เผลอๆ อาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ
เกมรุกที่ตายตัว
ด้วยระบบการเล่น 4-2-3-1 แบบ 'โมเดิร์น' พูดถึงแนวรุก 3 คนจะสลับตำแหน่งกันเล่น บางทีมก็สลับกันตลอดเวลาทำให้แนวรับคู่แข่งปวดหัว บางทีมก็สลับฟากกันเป็นช่วงเวลา ตามแต่ผู้เป็นกุนซือจะออกมาตะโกนสั่ง
แต่สิ่งที่เห็นจาก อังกฤษ คือการฝัง มาร์คัส แรชฟอร์ด อยู่ทางซ้าย อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ด้านขวา และ ราฮีม สเตอร์ลิง เจาะตรงกลาง แม้ในช่วงที่เกมรุกตื้อตึง ก็ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนใดๆ ทั้งสิ้น
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ สโลวีเนีย จับเกมรุก อังกฤษ ได้อยู่หมัดในครึ่งหลัง
ลูกเซตพีซ
หลายคนยังจำภาพ แฮร์รี่ เคน เตะมุมตอน ยูโร 2016 ได้ดี มาคราวนี้ได้เห็น มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นตัวเตะบ้าง แต่ดูแล้วยังหวังผลไม่ได้สักเท่าไหร่
ฟรีคิกระยะหวังผลก็เช่นกัน หลังจาก เคน ลองยิงติดกำแพงทีแรก พอหนที่สอง ไคล์ วอล์คเกอร์ ขอลองบ้าง โด่งข้ามคานไปไม่ได้ลุ้น
แสดงให้เห็นชัดเจนว่า อังกฤษ ไม่มี 'เจ้าพ่อลูกนิ่ง' ในทีมชุดนี้ หรืออาจจะรวมถึงทีมชุด เวิลด์คัพ 2018 ด้วย
เอาเป็นว่า หลังจากนี้ เซาธ์เกต ยังมีเวลาถึง 8 เดือน ให้ปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขอะไรหลายๆ อย่างให้ลงตัว
แต่ก่อนอื่น สิงโตคำราม ยังเหลือเกมสุดท้าย รอบคัดเลือก ที่ต้องบุกไปเยือน ลิทัวเนีย วันอาทิตย์นี้
เซาธ์เกต ต้องทดลองใช้ตัวเลือกอื่นๆ บ้าง หรือถ้าจะเปลี่ยนทีมทั้ง 11 ตำแหน่งเลยก็ไม่มีใครว่าอะไร
โฉมหน้าของเกมเยือน ลิทัวเนีย หากปรับเปลี่ยนเอาตัวสำรองลงเกือบทุกตำแหน่ง อาจเป็นดังนี้
หวังว่าเกมที่ วิลนิอุส อังกฤษ จะเล่นเกมรุกไหลลื่นขึ้น เพราะเป็นเกมที่ไม่มีอะไรต้องกดดัน แต่หากยังเล่นไม่เป็นรูปเป็นร่างเหมือนเดิมแล้ว
เราจะกลับมาเล่นงานคุณอีก...แกเร็ธ เซาธ์เกต
