ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เชลซี เป็นสโมสรใหญ่ที่มีนักเตะอยู่ในสังกัดล้นทีม และมักปล่อยยืมฤดูกาลละหลายสิบคน จนบางคนเกือบลืมชื่อไปแล้วก็มี
น้อยคนนักที่จะก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ของ เชลซี ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยซะทีเดียว
ย้อนกลับไปดู ซีซั่น 2016-17 เชลซี ปล่อยยืมนักเตะมากถึง 44 คน ในจำนวนนั้นมีคนเดียวที่ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ในฤดูกาลถัดมาคือ อันเดรียส คริสเตนเซ่น
ฤดูกาล 2017-18 ปล่อยยืมอีก 39 คน หลายคนยังเป็นหน้าเดิมจากซีซั่นก่อน และก็ยังมีแค่คนเดียวที่ขึ้นสู่ชุดใหญ่ในซีซั่นถัดมา หรือฤดูกาลนี้ คือ รูเบน ลอฟตัส-ชีค
เก้าอี้กุนซือเปลี่ยนจาก อันโตนิโอ คอนเต้ เป็น เมาริซิโอ ซาร์รี่ แต่การปล่อยยืมก็ยังอยู่ในมาตรฐานใกล้เคียงกับปีก่อนๆ ที่ 40 คน และคนที่ถูกจับตามองว่าจะบินขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ซีซั่นหน้าคือ เมสัน เมาท์
เส้นทางของ ลอฟตัส-ชีค กับ เมาท์ มีความคล้ายคลึงกันอยู่มากทีเดียว
ลอฟตัส-ชีค แจ้งเกิดเต็มตัวจากการไปเล่นกับ คริสตัล พาเลซ ฤดูกาล 2017-18 จนถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ในเกมอุ่นเครื่องช่วงปลายปี 2017 และผลงานเข้าตาจนต้องหนีบไปหาประสบการณ์ในฟุตบอลโลก 2018
การกลับสู่ทีมชุดใหญ่ เชลซี ในฤดูกาลนี้ ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดอีกอย่างของ ลอฟตัส-ชีค แต่การต้องนั่งยาวอยู่ที่ข้างสนาม ก็ส่งผลทำให้ 'อาร์แอลซี' ต้องหลุดทีมชาติของ เซาธ์เกต ชุดล่าสุดเดือนตุลาคม
สวนทางกับ เมาท์ ที่ไปเล่นกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในแชมเปี้ยนชิพซีซั่นนี้ กลายเป็นตัวหลักที่ทำผลงานได้ดีในทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จนต้องประหลาดใจอย่างแรง เมื่อ เซาธ์เกต เบื่อเกมพรีเมียร์ลีก โฉบดูฟอร์มของกองกลางวัย 19 ปีที่ ไพรด์ พาร์ค เมื่อเดือนกันยายน
ผลคือ เมาท์ ถูกเรียกติด ทรี ไลออนส์ ชุดใหญ่เป็นครั้งแรก เดือนเดียวกับที่ ลอฟตัส-ชีค หลุดโผ
นี่คือการต่อสู้ในทีมชาติอังกฤษ ของกองกลาง เชลซี ถึงสามคน นอกจาก ลอฟตัส-ชีค กับ เมาท์ แล้ว ยังมี รอสส์ บาร์คลี่ย์ ที่เพิ่งคัมแบ็กทีมชาติเมื่อเดือนที่แล้วด้วย
แต่ บาร์คลี่ย์ ดูเหมือนจะหมดห่วงไปแล้ว จากการกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งของตัวเองเหมือนสมัยเล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน ไม่มีผิด ยิงไปแล้ว 3 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่นเพียง 391 นาทีในช่วงต้นซีซั่น
จึงเหลือแค่ ลอฟตัส-ชีค กับ เมาท์ ที่้ต้องแย่งตำแหน่งในทีมของ เซาธ์เกต
"มันยากในบางครั้งกับการงัดฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเอง ในเมื่อคุณไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ ซาร์รี่ บอกให้ผมปรับปรุงเรื่องเกมรับและการยืนตำแหน่ง สำหรับผู้จัดการทีมที่ผ่านเกมมาอย่างโชกโชน ผมคงโง่มากหากไม่รับฟังและทำตามสิ่งที่เขาบอก เขาคือผู้จัดการทีมชั้นยอด"
"สำหรับผม การได้เรียนรู้จากเขาคือการพัฒนาตัวเองที่ดีเยี่ยม ผมจะทำเช่นนั้นต่อไป" ลอฟตัส-ชีค ที่เคยคิดย้ายทีมในเดือนมกราคมนี้ ก่อนกลับมาระเบิดฟอร์มยิงแฮตทริกในเกมยูโรปาลีก ที่ชนะ บาเต้ 3-1 กล่าว
ส่วนคนที่อยู่ในช่วงขาขึ้นอย่าง เมาท์ ตอนนี้อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะราบรื่นไปหมด
"เดิมที แลมพาร์ด บอกว่ากำลังคิดเรื่องดร็อปผมในเกมถัดไป บางทีเขาอาจให้ผมได้พัก แต่แล้วเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ไม่ละ ผมเพิ่งได้คุยกับ แกเร็ธ คุณถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่" เขาติดทีมชาติมาแล้วเกิน 100 นัด เขาเชื่อว่าผมจะทำลายตัวเลขนั้นได้" เมาท์ เล่าถึงนาทีที่รู้ว่าติดทัพ สิงโตคำราม ชุดใหญ่
หลังจากนี้ คำถามคือ ลอฟตัส-ชีค ควรอยู่สู้ในทีม เชลซี ต่อไป หรือย้ายออกไปหาโอกาสลงเล่นเพื่อกลับไปมีชื่อในทีมของ เซาธ์เกต อีกครั้ง?
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนทุกอย่างจะค่อยๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจาก 3 ประตูในเกมยูโรปาลีก บวกกับอีก 1 ในเกมพรีเมียร์ลีกที่บุกชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-0 จากการลงเล่นในฐานะตัวสำรอง
นาทีนี้ยังคงไม่มีอะไรแน่นอน และอนาคตน่าจะมองเห็นคำตอบที่ชัดเจนขึ้น หลังทราบการประกาศรายชื่อทีมชาติอังกฤษของ เซาธ์เกต ในเดือนพฤศจิกายนนี้
และเส้นทางที่ ลอฟตัส-ชีค กำลังเดินมาจนถึงเวลานี้ อาจเกิดขึ้นกับ เมาท์ ในฤดูกาลหน้าก็ได้ หากกลับไปต่อสู้ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ดูเอาไว้เป็นตัวอย่าง!
