ในอดีต เขาก็เหมือนเด็กทั่วไปในบราซิล ที่ต้องเตะฟุตบอลข้างถนน แต่ปัจจุบัน เขาคือเจ้าของค่าตัว 40 ล้านปอนด์ ที่มีฝีเท้าจัดที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีก
"เราไม่มีเงินซื้อรองเท้าฟุตบอล" เฟลิเป้ อันแดร์ซอน ย้อนนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก ที่ครอบครัวฐานะยากจน และต้องเตะฟุตบอลตามท้องถนนในเมืองเกิด ซานตา มาเรีย
แต่การสนับสนุนจากครอบครัว และที่ขาดไม่ได้คือ 'โชคชะตา' ก็พัดพาให้ เฟลิเป้ ได้ฝึกทักษะลูกหนังกับสโมสรในเมืองเกิด ก่อนระหกระเหินไปหลายที่ และก้าวเข้าสู่ทีม โคริติบา จากนั้นไม่นานก็ถูกสโมสรยักษ์ใหญ่ของประเทศ ซานโต๊ส ดึงตัวไปร่วมทีมเยาวชนตอนอายุ 13
แม้การเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้ เอลซ่า ผู้เป็นมารดามีความสุขสักเท่าไหร่ เพราะลูกชายต้องจากบ้านไปไกลกว่า 650 ไมล์ แต่นี่คือความฝันของ เฟลิเป้ ที่จะได้ก้าวสู่สโมสรของตำนานลูกหนังรุ่นคุณปู่ เปเล่
"ผมเติบโตมาในย่านที่ยากจน ไม่มีโอกาสมากนักที่จะได้เล่นฟุตบอล ตอนยังเด็ก ผมฝันเสมอว่าโตขึ้นต้องการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ"
"ครอบครัวของผมรู้ถึงความฝันนี้ และให้การสนับสนุน แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบาก เราไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะไปซื้อรองเท้าฟุตบอล แต่พวกเขาก็ยังผลักดันผมอย่างเต็มที่ จนในที่สุด โชคชะตาก็ทำให้ฝันเป็นจริง"
เฟลิเป้ ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ ซานโต๊ส ในอีก 3 ปีต่อมา และอยู่ในทีมชุดแชมป์โกปา ลิเบร์ตาโดเรส ปี 2011 แต่ด้วยอายุอานามที่เพิ่ง 18 ปี จึงยังไม่มีบทบาทในทีมตัวจริงที่ตอนนั้นมี เนย์มาร์ นำทัพ
ภายหลังจากที่ กานโซ่ ย้ายออกจาก ซานโต๊ส ในปีต่อมา เฟลิเป้ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก และรับเสื้อหมายเลข 10 มาใช้งานคนต่อไป
"เมื่อคุณสวมเสื้อเบอร์ 10 อยู่ในสนาม ทุกคนต่างคาดหวังว่าคุณจะทำในสิ่งที่เหลือเชื่อ เสื้อของ เปเล่ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเสมอ"
"เป็นเรื่องยากสำหรับผม ตอนที่ผมอายุ 17 ลงเล่นฟุตบอลอาชีพในช่วงเวลานั้น การเล่นกับทีมใหญ่ในบราซิล แต่นั่นก็ช่วยทำให้ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น"
เพียงแค่ปีเดียวที่ได้ประสานงานร่วมกับ เนย์มาร์ ในทีม ซานโต๊ส เฟลิเป้ ก็ได้รับข้อเสนอจาก ลาซิโอ ที่ขอซื้อในราคา 7.8 ล้านยูโร ในปี 2013 ปีเดียวกับที่ เนย์มาร์ ย้ายไป บาร์เซโลน่า ค่าตัวมหาศาล 57 ล้านยูโร
การเริ่มต้นในเวที กัลโช่ เซเรีย อา มีตะกุกตะกักอยู่บ้างในปีแรก แต่เข้าสู่ฤดูกาลที่สอง เฟลิเป้ กดไป 11 ประตู จาก 37 นัด จนกลายเป็นดาวเด่นของลีกอิตาลีอย่างเต็มตัว และเปลี่ยนเบอร์เสื้อจาก 7 มาสวมหมายเลข 10 ในฤดูกาลถัดมา
ในวัยเด็ก เฟลิเป้ เคยอิจฉาเพื่อนที่โรงเรียน ที่ต่างมีสมุดสะสมสติกเกอร์มาแลกเปลี่ยนกันในห้อง ถึงตอนนี้ เขาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในอดีตด้วยการมีสมุดสะสมสติกเกอร์ 'ปานินี่' ที่มีรูปตัวเองอยู่บนหน้าปก
ปี 2016 เฟลิเป้ ได้รับความสนใจจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี สองทีมดังพรีเมียร์ลีก ที่ส่งแมวมองมาติดตามดูฟอร์มถึงอิตาลี หากแต่ยังไม่มีข้อเสนออย่างจริงจังยื่นเข้ามา เพราะ ลาซิโอ ตั้งค่าตัวเอาไว้สูงทีเดียว
อย่างไรก็ตาม กลับเป็นทีมระดับกลางอย่าง เวสต์แฮม ที่ยอมจ่ายหนักถึง 40 ล้านปอนด์ กลายเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดเป็นสถิติใหม่ของสโมสรเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2018
"ทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อคุณย้ายทีมด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสโมสร คุณย่อมถูกตั้งความหวังเอาไว้สูง ว่าจะเข้ามาสร้างความแตกต่าง และมีความเชื่อมั่นในตัวคุณสูงมาก"
"ผมคิดว่ามันเป็นความเชื่อมั่นจากสโมสรมากกว่า สโมสรเชื่อมั่นว่าผมจะทำผลงานที่ดี มันไม่ใช่ความกดดันที่มากนัก พวกเขาเชื่อมั่นว่าผมจะเล่นเกมของตัวเองได้ ร้อยเปอร์เซนต์"
"ผมติดตามดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอยู่เสมอ ที่นี่เป็นเกมที่เล่นกันเร็ว กับนักเตะที่มีความแข็งแกร่งมาก และความเร็วก็คือหนึ่งในจุดเด่นของผม"
"นี่คือที่ที่ผมต้องการอยู่ ผมรู้สึกพร้อมเต็มที่ที่จะมา เวสต์แฮม ตอนนี้ผมรู้สึกพร้อมกับความท้าทายครั้งนี้ และทำผลงานที่ดีที่สโมสรแห่งนี้"
"สิ่งที่ผมมองหาคือแผนการสร้างทีม และทีมที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวผมร้อยเปอร์เซนต์ และนั่นคือสิ่งที่ผมพบที่ เวสต์แฮม โค้ชให้การสนับสนุนผมอย่างเต็มที่ และยังคงสนับสนุนผมมาโดยตลอด"
"เมื่อผมรู้ว่า เวสต์แฮม ให้ความสนใจในตัวผม ก็เป็นการตัดสินใจที่ง่ายดายมาก มันไม่ยากเลยที่จะตอบตกลง ผมรู้ถึงประวัติศาสตร์ของสโมสร และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องการมาอยู่ที่นี่"
การเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมๆ กันทั้งผู้จัดการทีมและนักเตะ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ เวสต์แฮม ในฤดูกาลนี้ ซึ่ง เฟลิเป้ ก็ทราบดีและตั้งเป้าหมายเอาไว้ไม่สูงจนเกินไป นั่นคือพื้นที่ ยูโรปาลีก
ถึงตอนนี้ ผ่านไป 12 นัดแรกพรีเมียร์ลีก เฟลิเป้ ปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ และลีกใหม่ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำไปแล้ว 4 ประตู ซึ่งมาจาก 6 เกมหลังสุด
และมีประตูสวยๆ ที่ไขว้ยิง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่งเข้าประกวด