เปิดฉากฤดูกาล 2018-19 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเผชิญงานหนักพอๆ กับการเสริมทัพ เพราะมีนักเตะในทีมชุดใหญ่ถึง 11 คนที่เหลือสัญญาซีซั่นสุดท้าย
ระบบการเล่น 4-4-1-1 ผู้รักษาประตู ดาบิด เด เคอา กองหลัง มัตเตโอ ดาร์เมียน, คริส สมอลลิ่ง, ฟิล โจนส์, ลุค ชอว์ แดนกลาง อันโตนิโอ วาเลนเซีย, อันเดรียส เปเรร่า, อันเดร์ เอร์เรร่า, แอชลี่ย์ ยัง แนวรุก ฆวน มาต้า กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
นี่ไม่ใช่ระบบการเล่นทั้งในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ หรือยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา...
แต่นี่คือ 11 นักเตะที่ก่อนเริ่มต้นซีซั่นนี้ เหลือสัญญาเพียง 12 เดือนสุดท้าย
เหตุการณ์นักเตะใกล้หมดสัญญาพร้อมๆ กันเยอะขนาดนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ในยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (เพราะส่วนใหญ่ หากไม่พอใจใคร ก็จะขายทิ้งก่อน)
คนแรกที่ถูกจับต่อสัญญาในช่วงเวลาของ มูรินโญ่ คือ ลุค ชอว์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแบ็กซ้ายกลับชาติมาเกิดใหม่ คือหนึ่งในนักเตะลำดับต้นๆ ที่ ผีแดง ต้องรีบจับเซ็นสัญญาให้เร็วที่สุด หลังจากใช้ออปชั่นขยายเพิ่ม 12 เดือนไปแล้วเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีก่อน แต่ยังคงเงียบๆ กับสัญญาระยะยาว เพราะท่าทีของ มูรินโญ่ ที่ยังไม่เป็นที่พอใจสักเท่าไหร่
ย้อนกลับไปซีซั่น 2017-18 ชอว์ ก้มหน้ายอมรับว่า แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับสัญญาฉบับใหม่
แต่หลังจากผลงานยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ บวกกับการพิสูจน์ให้เห็นเรื่องความฟิตอย่างสม่ำเสมอ ในที่สุด สัญญาระยะยาวอีก 5 ปี ก็ถูกยื่นให้กับ ชอว์ ในช่วงกลางเดือนตุลาคม ยืดอายุการใช้งานไปจนถึงปี 2023 และยังอัพค่าเหนื่อยให้สมน้ำสมเนื้อเป็น 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ด้วย
คนถัดมาคือ คริส สมอลลิ่ง ในช่วงกลางเดือนธันวาคม
เซนเตอร์แบ็กลูกรักของกุนซือชาวโปรตุกีส ที่จับเป็นตัวหลักในทีมจนวาระสุดท้าย จนถึงกลางเดือนสุดท้ายของปี 2018 จึงมีการต่อสัญญาใหม่ออกไปอีก 3 ปี ทำให้กองหลังวัย 29 ปีจะอยู่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไปจนถึงปี 2022 พร้อมเงื่อนไขขยายเพิ่มอีก 1 ปี
และหลังจากนั้นเพียงสามวัน มูรินโญ่ ก็ถูกเด้งตกเก้าอี้
แม้ในช่วงเวลาของ มูรินโญ่ มีการต่อสัญญากับ สมอลลิ่ง และ ชอว์ เพียงสองคน แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ใช้เงื่อนไขที่มีอยู่ในสัญญาเดิม ขยายเพิ่มอีก 12 เดือนกับ ดาบิด เด เคอา และ มัตเตโอ ดาร์เมียน ไปแล้ว ทำให้ทั้งคู่ยืดวันหมดอายุไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2020
เข้าสู่ยุคของ โซลชา จึงเหลือภาระกิจกับนักเตะอีกอย่างน้อย 7 คนที่ต้องรีบเคลียร์เรื่องสัญญาใหม่ให้ได้
และคนแรกที่ประสบความสำเร็จคือ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ในช่วงปลายเดือนมกราคม
ว่ากันว่า จากรายชื่อทั้ง 11 คนที่เอ่ยมา มีแค่ มาร์กซิยาล กับ เด เคอา นี่แหละ ที่ถือเป็นงานหนัก และคงไม่สมหวังแน่ หากนายใหญ่ยังคงเป็น มูรินโญ่
แม้ โซลชา ใช้การโรเตชั่นในแต่ละเกม แต่หลายคนดูจะกลับมามีชีวิตชีวาและคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง ที่ชัดเจนที่สุดคือ ปอล ป๊อกบา กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่ มาร์กซิยาล ก็เป็นอีกคนที่แฮปปี้ไม่น้อย
ในช่วงปรีซีซั่น มูรินโญ่ กับ มาร์กซิยาล มีปัญหางัดข้อกัน ทำให้สโมสรทำได้เพียงใช้ออปชั่นยืดสัญญาไปจนถึงปี 2020 ก่อนที่กุนซือชาวโปรตุกีสจะโดนระเห็จออกจากทีมเพียงไม่กี่วัน
ปลายเดือนมกราคม มาร์กซิยาล ตกลงต่อสัญญาเพิ่มไปจนถึงปี 2024 พร้อมเงื่อนไขขยายอีก 12 เดือนจนถึงปี 2025 กลายเป็นนักเตะในทีม ผีแดง ชุดนี้ ที่มีสัญญากับทีมยาวนานที่สุด และเป็นเพียงแค่คนเดียวด้วย
ถัดมาก็ถึงคิว ฟิล โจนส์ หนึ่งในสามเซนเตอร์แบ็กที่กลับมาโชว์ฟอร์มแข็งแกร่งสุดๆ เช่นเดียวกับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เอริก ไบยี่
โจนส์ เซ็นสัญญาใหม่จนถึงปี 2023 เป็นรายล่าสุดแบบสดๆ ร้อนๆ พร้อมออปชั่นยืดเวลาเพิ่มอีก 12 เดือนตามสูตร กลายเป็นนักเตะคนที่สองที่ต่อสัญญากับสโมสรในช่วงเวลาของ โซลชา ที่เข้ามาทำหน้าที่ยังไม่ถึง 2 เดือนด้วยซ้ำ
หลังจากนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องตัดสินใจเรื่องอนาคตของนักเตะที่เหลือ ทั้ง ฆวน มาต้า (30 ปี), อันเดร์ เอร์เรร่า (29 ปี), อันโตนิโอ วาเลนเซีย (33 ปี), อันเดรียส เปเรร่า (23 ปี) รวมถึง เจมส์ วิลสัน (23 ปี) ขณะที่ แอชลี่ย์ ยัง ตกลงสัญญาใหม่อีก 1 ปีได้แล้ว รอการยืนยันอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
เชื่อว่าในราย มาต้า กับ เอร์เรร่า กำลังเร่งเจรจาสัญญาฉบับใหม่อยู่ เพราะใช้เงื่อนไขขยายเพิ่มอีก 12 เดือนไปแล้วทั้งคู่ แต่ วาเลนเซีย อาจใช้ออปชั่นต่ออีก 12 เดือนก่อนปล่อยหมดสัญญาปี 2020
เห็นได้ชัดเจนว่า นอกจากผลการแข่งขันในสนามที่เข้าตาแล้ว โซลชา ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญนอกสนามทั้งเรื่องการปลุกจิตวิญญาณ ปีศาจแดง ในตัวนักเตะ และการต่อสัญญาใหม่อีกด้วย
และคนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด หวังต่อสัญญามากที่สุดคือ ดาบิด เด เคอา ที่สัญญาจะสิ้นสุดในปี 2020