"ผมไม่มีแผนการอะไรทั้งนั้นในอนาคต ตอนนี้ผมแค่อยากสนุกกับเกมให้มากขึ้น เพราะผมอายุ 33 แล้ว วันหนึ่งฟุตบอลสำหรับผมก็จะจบลง"
ดาบิด ซิลบา ผู้กวาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยร่วมกับ 3 ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอ่ยถึงแผนการของตนเองในอนาคตสำหรับช่วงบั้นปลายอาชีพนักฟุตบอล ซึ่งฟังดูแล้ว...ไม่มีแผนการอะไรเลย
แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011-12 ร่วมกับ โรแบร์โต้ มันชินี่, ฤดูกาล 2013-14 ร่วมกับ มานูเอล เปเยกรินี่ และฤดูกาล 2017-18 ร่วมกับ โจเซป กวาร์ดิโอล่า บวกกับแชมป์เอฟเอคัพ ในฤดูกาลแรก 2010-11 และแชมป์ลีกคัพอีก 3 สมัย ฤดูกาล 2013-14, 2015-16, 2017-18 คือรางวัลพิสูจน์ความสำเร็จของมิดฟิลด์สแปนิชในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม
ย้อนกลับไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2008 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยคิดการใหญ่ หวังคว้าสองตัวรุกที่ดีที่สุดของ บาเลนเซีย ทั้ง ดาบิด บีย่า และ ดาบิด ซิลบา แต่ก็ต้องถอนข้อเสนอ เพราะทีมดังสเปน เรียกค่าตัวรวมกัน 135 ล้านปอนด์
แต่หลังจากนั้น 2 ปี เรือใบสีฟ้า ก็ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญากับ ซิลบา เพียง 11 วัน ก่อนที่มิดฟิลด์วัย 24 ปีในเวลานั้น ได้ชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกร่วมกับ สเปน
"ผมปรับตัวกับทีมได้ดีทีเดียว เพราะผู้คนที่นี่ช่วยผมได้มาก ผมจึงอยากขอบคุณทุกคน นั่นคือหนึ่งในเหตุผล และอีกเหตุผลคือครอบครัวของผม อยู่เคียงข้างผม และสนับสนุนผมมาโดยตลอด และทำให้ผมเข้มแข็ง"
"ผมทำงานหนักในทุกๆ วัน และเมื่อคุณทำงานหนัก ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างแล้ว อะไรๆ ก็จะง่ายดายไปหมด"
"ในช่วงแรกผมต้องเผชิญความยากลำบากอยู่บ้าง เพราะสภาพร่างกายไม่ฟิตสมบูรณ์ ผมเพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และมีเวลาพักฟื้นร่างกายเพียง 2 สัปดาห์"
"เมื่อผมมาถึงที่นี่ ผมรู้ทันทีว่าลีกนี้มันหนักแค่ไหน ต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย ผมจึงต้องฟิตสมบูรณ์จริงๆ"
"เวลาผ่านไปราวๆ 2 เดือน แล้วผมก็ยิงประตู แบล็คพูล (ประตูแรกในพรีเมียร์ลีก) มันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผมมากทีเดียว"
"ประตูนั้นช่วยเปลี่ยนแปลงผมจากข้างใน เพราะเมื่อทำประตูได้ ร่างกายของผมก็ผ่อนคลายทันที หลังจากนั้นผมก็สนุกกับเกมมากขึ้น และสภาพร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย นั่นคือจุดเปลี่ยนตอนที่ผมเริ่มต้นกับทีม"
"ชีวิตที่นี่ค่อนข้างยากลำบาก เพราะเมื่อคุณตื่นขึ้นมา คุณไม่เจอแสงอาทิตย์ แต่คุณก็ต้องคุ้นเคยกับมัน ปัญหาของที่นี่คือเรามีเกมเตะเยอะมากในช่วงหน้าหนาว แต่ก็เป็นอีกครั้ง ที่คุณต้องชินกับมันให้ได้"
"คุณต้องดูแลสภาพร่างกายของตัวเอง กินให้ดีขึ้น ดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น ถ้าคุณดูแลตัวเองให้มากขึ้น คุณก็จะทำอะไรได้มากขึ้นด้วย"
ช่วงเวลาผ่านเลยไป หลังหมดยุคของ โรแบร์โต้ มันชินี่, มานูเอล เปเยกรินี่ เข้าสู่ช่วงเวลาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นักเตะมากมายหลายคนย้ายเข้าและย้ายออกในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม แต่ ซิลบา ก็ยังเป็นเสาหลักในวัย 33 ปี หลังจากเซ็นสัญญาฉบับล่าสุดเมื่อตอนเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 ยืดวันหมดอายุจากปี 2019 เป็นปี 2020
"สโมสรดำเนินการต่างๆ เพื่ออนาคต ซื้อนักเตะใหม่เข้ามา แต่ก็รักษานักเตะรุ่นเก๋าเอาไว้ด้วย ผมคิดว่าการผสมผสานนักเตะรุ่นเก่ากับนักเตะหนุ่มๆ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวจริงๆ"
"ผมคิดว่ามันเป็นแนวทางที่ดี และสโมสรก็กำลังทำได้ดีมาก ซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้จากผลงานในสนาม บางที ฤดูกาลนี้เราอาจทำได้ดีกว่าฤดูกาลก่อนด้วย"
"ท้ายที่สุดแล้ว ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันเท่านั้น ดังนั้นฤดูกาลนี้ เราสามารถคว้าแชมป์มากกว่าฤดูกาลก่อนได้แน่ แต่ในช่วงเวลานี้ เราก็ทำในแบบที่เราเคยทำภายใต้การคุมทีมของ มานูเอล เปเยกรินี่ หรือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่เราคว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วย และฤดูกาลก่อนเราก็ทำได้เช่นกัน"
ซีซั่นที่แล้ว ซิลบา ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ในฐานะที่พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และจบซีซั่นอย่างแข็งแกร่ง 10 ประตู กับ 13 แอสซิสต์รวมทุกรายการ
ซีซั่นนี้ก็ยังคงยอดเยี่ยม ซิลบา เปิดฤดูกาลด้วยการทำประตูในพรีเมียร์ลีกครบ 50 ลูก ในเกมที่ลงรับใช้ เรือใบสีฟ้า ครบ 350 นัด และถึงนาทีนี้ มิดฟิลด์เท้าซ้ายตะขอ ตะบันไปทั้งสิ้น 70 ประตูจาก 379 เกมรวมทุกรายการแล้ว
"ผมไม่มีแผนการอะไรทั้งนั้นในอนาคต ตอนนี้ผมแค่อยากสนุกกับเกมให้มากขึ้น เพราะผมอายุ 33 แล้ว วันหนึ่งฟุตบอลสำหรับผมก็จะจบลง"
"ผมต้องการมีความสุขกับชีวิตให้มากขึ้น หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายของผม (มาเตโอ วัยหนึ่งขวบที่คลอดก่อนกำหนด) และใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและเพื่อนอย่างมีความสุข"
"ผมจะไม่คิดอะไรมากจนเกินไป ผมแค่ลงเล่นทุกเกม และพยายามอย่างเต็มที่ในการฝึกซ้อมทุกครั้ง ผมจะไม่คิดถึงอนาคต บางทีตอนนี้ผมอาจจะต้องคิดให้มากกว่านี้ เพราะผมอายุมากแล้ว แต่ก่อนอื่น ผมแค่คิดว่าตัวเองต้องสนุกกับการลงสนาม และทำงานหนัก ก็แค่นั้น"
"สโมสรแห่งนี้เติบโตก้าวหน้าไปด้วยดี พวกเขาต้องการนักเตะเก่งๆ เข้ามาเสริมทัพ และบางคนจะเข้ามาทดแทนผม ในปีต่อๆ ไป การเล่นในเวทีระดับสูง และการคว้าแชมป์ ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ในอังกฤษ"
"เมื่อสภาพร่างกายของคุณทำได้ไม่ดีพอ คุณสามารถรู้สึกได้มากขึ้น แต่ในหัวของผม มันยังคงเหมือนเดิม เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิดแล้ว ปัญหาก็จะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ผมยังรู้สึกกระชุ่มกระชวยและรู้สึกดีมาก"
เป้าหมายในฤดูกาลนี้ของ ดาบิด ซิลบา คือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 4 ในซีซั่นที่ 9 ของตัวเอง รวมถึงเป้าใหญ่สุด ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ยังไม่เคยสัมผัสด้วย