แม้ได้เห็นแค่ 2 ประตูในเกมที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว แต่ตลอด 90 นาที เรอัล มาดริด และ ท็อตแน่ม ต่างแสดงให้เห็นถึงความกระหายในชัยชนะ
การทำเข้าประตูตัวเองของ ราฟาเอล วาราน กับจุดโทษของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือไฮไลท์ 2 ประตูที่เกิดขึ้นในเกมที่ มาดริด แต่ถ้าเจาะลึกลงไป เราจะมองเห็นอีกหลายๆ ประเด็นจากเกมนี้ ของทั้งฝั่ง ราชันชุดขาว และ ไก่เดือยทอง
แท็กติกที่ยากคาดเดา
ฤดูกาลนี้ ไก่เดือยทอง ต้องลงเล่นด้วยแท็กติกและระบบการเล่นที่แตกต่างออกไปในแต่ละเกม และเกมที่ เบร์นาเบว ก็ถูกวางให้เล่นในระบบ 5-3-2
เมื่อเห็นรายชื่อตัวจริง อาจคิดว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ วางแผนมาในระบบกองหลัง 4 คน แต่พอออกสตาร์ตเกมกลับเห็น เอริค ดายเออร์ รับบทปราการหลังร่วมกับ ดาวินซอน ซานเชซ และ โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์ โดยมี แซร์ช โอริเย่ร์ กับ ยาน แฟร์ทองเก้น เป็นแบ็กสองฝั่ง
ถึงจะเห็นการจัดตัวที่่ส่งกองหลังลงเยอะแบบนี้ แต่ ท็อตแน่ม ไม่ได้มาอุด ทีมของ โปเช็ตติโน่ มีทีเด็ดที่เกมโต้กลับ และอาศัยลูกเซตพีซเล่นงานคู่แข่งด้วย
แนวรุกยังเซอร์ไพรส์ที่ได้เห็น เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ลงตัวจริงร่วมกับ แฮร์รี่ เคน อาจเป็นเพราะด้วยความที่เป็นสแปนิชด้วย ทั้งที่เดาจากรูปเกมแล้ว น่าจะใช้ ซอน ฮึง-มิน ลงแทน เดเล่ อัลลี มากกว่า
วันของผู้รักษาประตู
ด้วยความที่ทั้งสองทีมเดินหน้าบุกแลกหมัดกันตลอด 90 นาที ทำให้ทั้ง อูโก้ โยริส และ เกย์เลอร์ นาวาส ต้องทำงานหนักเป็นธรรมดา
โยริส เริ่มเป็นฝ่ายทำงานหนักก่อน หยุดยั้งไม่ให้ ท็อตแน่ม เสียประตูแบบโอเพ่นเพลย์ โดยเฉพาะลูกโหม่งจ่อๆ ของ คาริม เบนเซม่า และอีกหลายจังหวะของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
นาวาส ก็ได้ทำงานหนักติดๆ กันในครึ่งหลัง จากจังหวะเดี่ยวๆ ของ แฮร์รี่ เคน และ คริสเตียน เอริคเซ่น โดยเฉพาะจาก เคน 2 ครั้ง ตั้งแต่ลูกโหม่งที่เซฟข้ามคานในครึ่งแรก และใช้ปลายนิ้วปัดออกหลังอย่างเหลือเชื่อในครึ่งหลัง
เคนสอบผ่าน-เบนซ์สอบตก
ครั้งสุดท้ายที่ ท็อตแน่ม บุกมาเล่นที่ เบร์นาเบว ต้องย้อนกลับไปปี 2011 ตอนนั้นเด็กหนุ่มวัย 18 ยังนั่งสำรองข้างสนามอยู่กับ เลย์ตัน โอเรียนท์ ในศึกลีกวัน สมัยถูกยืมตัวไปเล่น
ผ่านไป 6 ปี เคน ก้าวกระโดดขึ้นเป็นศูนย์หน้าเบอร์ 1 ของอังกฤษ และกลายเป็นกองหน้าเนื้อหอม ที่มี เรอัล มาดริด เป็นหนึ่งในสโมสรที่หมายปองด้วย
แม้ไม่มีประตู แต่ เคน สอบผ่าน กับบทบาทศูนย์หน้าที่เก็บบอล ครองบอล กระชากบอล ผ่านบอลได้ดีเกือบตลอด ขาดอย่างเดียวถูก เกย์เลอร์ นาวาส ปฏิเสธประตูเหน่งๆ 2 ครั้ง
ตรงกันข้ามกับ คาริม เบนเซม่า ที่อาจจะฝากความหวังไม่ได้อีกต่อไป ศูนย์หน้าฝรั่งเศสใจเสียไปเยอะตั้งแต่ต้นเกม ที่ซ้ำลูกโหม่งชนเสาของ โรนัลโด้ หลุดกรอบ และอีกครั้งจ่อๆ ในครึ่งหลัง จากลูกครอสของ กาเซมีโร่ แต่โหม่งไปตรงตัว โยริส
'โด้'ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
คงเคยได้เห็นกันจนชินตาแล้วกับภาพ โรนัลโด้ ที่มักหงุดหงิดหัวเสียเวลาเพื่อนเปิดบอลมาไม่แม่น หรือบางทีที่เพื่อนเลือกยิงเอง
แม้มี 1 ประตูจากจุดโทษให้เห็น และโอกาสยิงอีกหลายจังหวะ แต่สิ่งที่เริ่มเลือนหายไปจากตัว โรนัลโด้ เรื่อยๆ นั่นคือลีลาการเลี้ยงบอล
ในช่วงหลัง บทบาทการเล่นของ โรนัลโด้ เริ่มไม่เหมือนแต่ก่อน เวลาได้บอล มักคายออกริมเส้นให้ฟูลแบ็กหรือคืนให้บรรดามิดฟิลด์ตัวปั้นเกมทั้งหลาย แล้วก็รีบวิ่งปู้ดเข้าไปในเขตโทษ หวังทำประตูเพียงอย่างเดียว
เกมนี้พอจะมีบางจังหวะได้เห็น โรนัลโด้ กระชากขึ้นริมเส้นบ้าง แต่การสับขาดูเก้ๆ กังๆ กระชากไม่ไปไหน แถมยังครอสไปติดบล็อค และอีกจังหวะที่ล็อกบอลหลบแต่ก็ดันไปขาอ่อนอีก
ไม่ปฏิเสธว่า โรนัลโด้ ยังคงเป็นคนทำประตูสำคัญๆ ทั้งกับสโมสรและทีมชาติ เพียงแต่เห็นว่าเริ่มไม่ครบเครื่องเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ความนิ่งของสองดาวรุ่ง
เกมนี้เราได้เห็น อาชราฟ ฮาคิมี่ แบ็กขวาวัย 18 ลงตัวจริงให้ เรอัล มาดริด และ แฮร์รี่ วิงส์ กองกลางวัย 21 ลงคุมแดนกลางของ ท็อตแน่ม ต่อเนื่อง
จากปัญหาสุขภาพของ ดานี่ การ์บาฆาล และการย้ายทีมของ ดานิโล่ ทำให้เด็กหนุ่มโมร็อกกัน ก้าวขึ้นมารับภาระหนักในทีมชุดใหญ่ ราชันชุดขาว อย่างรวดเร็ว
อันที่จริง ซีเนอดีน ซีดาน ไม่ได้อยู่ดีๆ จับเด็กลงเล่นเลย แต่ได้ทดสอบฝีเท้ากันมาแล้วในช่วงปรีซีซั่น ก่อนตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยยืมตัวในฤดูกาลนี้
แม้จะดูผอมบาง แต่จังหวะเบียดปะทะถือว่าแข็งใช้ได้ แถมยังเติมเกมรุกไม่มีหมดตลอดทั้งเกม และมีลูกเปิดสวยๆ ให้ โรนัลโด้ โหม่งชนเสาตั้งแต่ต้นเกมด้วย
ส่วน วิงส์ ก็ได้รับโอกาสต่อเนื่องนับตั้งแต่ประเดิมทีมชาติอังกฤษ เกมนี้ทำได้ดีกับจังหวะปะทะและเชื่อมเกมแดนกลาง อาจจะมีที่ต้องปรับอยู่บ้าง คือต้องกล้าวางบอลเร็วในจังหวะได้เสีย
เกมที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว จบลงด้วยการแบ่งคะแนน แต่ถือเป็นหนึ่งคะแนนที่สามารถเอนเตอร์เทนคนดูให้ไม่สามารถพลาดได้เลยแม้แต่นาทีเดียว
และหวังว่า อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เราจะได้เห็นการดวลกันของเกมรุกอีกครั้งในเกมที่ เวมบลีย์
