9 ประตูจาก 9 เกมยูโรปาลีก คือผลงานที่ยอดเยี่ยมในถ้วยยุโรปใบเล็ก แต่ในพรีเมียร์ลีก เพิ่งได้ลงตัวจริงให้ เชลซี ไปเพียง 6 เกมเท่านั้น
นั่นทำให้อนาคตของ โอลิวิเย่ร์ ชีรูด์ ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ น่าจะเดินมาถึงสุดทางในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากสัญญากำลังจะสิ้นสุดลง แม้มีเงื่อนไขขยายเพิ่มอีก 12 เดือน แต่ทุกอย่างยังคงเงียบกริบ
ชีรูด์ ย้ายมาร่วมทีม เชลซี ในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายเดือนมกราคมปี 2018 หรือช่วงกลางซีซั่นก่อน ท่ามกลางเครื่องหมายคำถามว่า...
อันโตนิโอ คอนเต้ เฮดโค้ชคนก่อน อยากได้ศูนย์หน้าร่างใหญ่จริงเหรอ?
และจอมโหม่งสไตล์ ชีรูด์ จะเล่นในระบบของ คอนเต้ ได้ดีแค่ไหน?
การเซ็นสัญญาระยะเวลา 18 เดือนกับ ชีรูด์ ในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก คอนเต้ หมดความอดทนกับผลงานและสภาพความฟิตของ อัลบาโร่ โมราต้า และวางแผนปล่อย มิชี่ บาตชูอายี่ ย้ายทีมแบบยืมตัวไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ชีรูด์ จบฤดูกาลแรกไปแบบจืดๆ 5 ประตูจาก 18 เกม รวมทุกรายการ เป็นการลงตัวจริง 10 เกม และลงสำรองอีก 8 เกม
แต่การมาของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ดูเหมือนอนาคตของ ชีรูด์ จะแย่ลงกว่าเดิม เพราะหลังจากไม่แฮปปี้กับฟอร์มของศูนย์หน้าที่มีอยู่ อดีตเทรนเนอร์ นาโปลี จึงตัดสินใจใช้ เอแดน อาซาร์ เล่นหน้าเป้าแทน
จนถึงช่วงกลางเดือนมีนาคม หรืออีก 2 เดือนสุดท้ายก่อนจบซีซั่น ชีรูด์ เพิ่งลงตัวจริงเกมพรีเมียร์ลีกเพียง 6 เกม ลงสำรองไป 14 เกม มีเพียงประตูเดียวให้เห็น และถ้านับเฉพาะปี 2019 กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ได้ลงเล่นเพียง 56 นาทีเท่านั้น
"ไม่ ไม่เลย ผมคือนักสู้ที่ชอบแข่งขัน" ชีรูด์ ตอบคำถามที่ว่า ยอมรับบทบาทของตัวเองในฤดูกาลนี้หรือไม่?
"เราไม่รู้อนาคต แล้วใครจะพูดอะไรได้ละ? เราจะต้องรอดูกัน"
"ผมผ่านช่วงเวลายากลำบากมาแล้วมากมายตลอดช่วงอาชีพของผม ผมแค่อยากสนุกกับการเล่นฟุตบอล เหมือนตอนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว"
"ผมต้องการลงเล่นทุกๆ เกม และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ลงสนาม"
"แต่ผมไม่ถูกเลือกอยู่ในทีม"
อย่างไรก็ตาม ชีรูด์ ถูกเลือกเป็นตัวหลักในทีมชุดยูโรปาลีก ที่ตอนนี้ยิงไปแล้ว 9 ประตูจาก 9 นัดที่ลงเล่น มีส่วนสำคัญพา สิงโตน้ำเงิน ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้ว
"ผมได้เล่นในเกมยูโรปาลีก ผมมีความสุขที่ช่วยทีมผ่านเข้ารอบ มองไปทีละก้าว และเป้าหมายที่ชัดเจนที่สุดคือการคว้าแชมป์"
ในอดีต ชีรูด์ เคยสร้างชื่อเมื่อครั้งพา มงต์เปลลิเยร์ พลิกล็อกคว้าแชมป์ลีกเอิง ฤดูกาล 2011-12 ซึ่งตัวเขาเองเป็นดาวซัลโวลีกเอิงในซีซั่นนั้นด้วย
แต่ตอนนี้ ศูนย์หน้าจอมโขกเจ้าของส่วนสูง 193 เซนติเมตร อายุอานามปาเข้าไป 32 ปีแล้ว จึงอาจค้าแข้งได้อีกเพียง 2-3 ปี
"ผมอายุ 32 แล้ว แต่ผมยังรู้สึกว่าตัวเองหนุ่มแน่นอยู่"
"ผมรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตัวเองยังดีมาก และผมมีแรงจูงใจที่จะเดินหน้าต่อ"
"เด็กๆ บางคนถามผมว่าทำไมผมยังไม่อำลาทีมชาติ หลังจากคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก เพราะผมยังคงกระหายอยู่ ผมรู้ว่าผมจะคิดถึงฟุตบอลมากแค่ไหนหลังจากเลิกเล่นไปแล้ว"
"ผมจึงต้องการลงเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ ผมคิดว่าผมยังมีอีก 2-3 ปีที่ดีรออยู่ข้างหน้า"
เหลืออีกราวๆ 2 เดือนสุดท้ายของฤดูกาล 2018-19 เชลซี ไม่มีวี่แววที่จะใช้ออปชั่นยืดสัญญา ชีรูด์ อีก 12 เดือน ขณะที่ศูนย์หน้าดีกรีแชมป์โลกเริ่มรู้อนาคตตัวเองแล้วว่าคงต้องมองหาทีมใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้
