"พวกคุณมาถามคำถามนี้กับผมในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมดีกว่า ถึงตอนนั้น ผมจะตอบพวกคุณเอง"
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตอบคำถามนักข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเรื่องการคว้า 4 แชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้
8 เกมพรีเมียร์ลีก (ฟูแล่ม/เยือน, คาร์ดิฟฟ์/เหย้า, คริสตัล พาเลซ/เยือน, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์/เหย้า, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด/เยือน, เบิร์นลี่ย์/เยือน, เลสเตอร์/เหย้า, ไบรท์ตัน/เยือน)
2 เกมเอฟเอคัพ (ไบรท์ตัน/รอบรองชนะเลิศ, ?/รอบชิงชนะเลิศ)
และ 5 เกมแชมเปี้ยนส์ลีก (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์/รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์/รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง, ?/รอบรองชนะเลิศ นัดแรก, ?/รอบรองชนะเลิศ นัดสอง, ?/รอบชิงชนะเลิศ)
นี่คือ 15 เกมสุดท้าย (หากผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้ทั้งหมด) สำหรับการไต่เต้าสู่ 'ควอดรูเพิลแชมป์' ที่ยังไม่เคยมีทีมใดทำได้มาก่อน
ทุกอย่างอยู่ในกำมือของ แมนฯ ซิตี้ แล้ว โดยไม่ต้องคำนึงถึงผลการแข่งขันของคู่แข่ง เพราะหากกวาดชัยชนะทั้ง 15 เกม เป๊ป ก็จะพา เรือใบสีฟ้า สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าฤดูกาลที่แล้ว
ในอดีต ดูเหมือนว่าการลุ้น 4 แชมป์ใกล้เคียงจะเกิดขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สมัยคว้า 'ทริพเพิลแชมป์' ฤดูกาล 1998-99 แต่แท้จริงแล้ว ปีศาจแดง หมดลุ้นตั้งแต่ไก่โห่ เพราะตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ลีกคัพ ด้วยการแพ้ต่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-3 ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม
หรือแม้แต่ 'ดิ อินวินซิเบิล' ฤดูกาลที่ดีที่สุดของ อาร์เซน่อล ซีซั่น 2003-04 ก็ไม่เคยใกล้เคียงกับการทำได้ เพราะจอดป้ายตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ ลีกคัพ ด้วยการแพ้ มิดเดิลสโบรช์ สกอร์รวม 1-3 วันที่ 3 กุมภาพันธ์
หากพลิกกลับไปดูหน้าประวัติศาสตร์ของฟุตบอลอังกฤษ มีอยู่ 4 ฤดูกาลที่ถือว่าใกล้เคียงที่สุดกับการคว้า 'ควอดรูเพิลแชมป์'
ฤดูกาล 1978-79 ฤดูกาลที่ดีที่สุดของ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ หลังจากคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้เมื่อซีซั่นก่อน ไบรอัน คลัฟ ตำนานกุนซือแห่งถิ่น ซิตี้ กราวด์ พาทีมลุ้นป้องกันแชมป์กับ ลิเวอร์พูล แบบยาวๆ เช่นเดียวกับอีกสามรายการที่เหลือ
แต่สุดท้ายต้องจอดป้าย เอฟเอคัพ เอาไว้ที่รอบ 5 เมื่อแพ้ต่อ อาร์เซน่อล 0-1 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ และจบรองแชมป์พรีเมียร์ลีก แม้หลังจากนั้นไต่เต้าไปถึงแชมป์เอฟเอคัพ และยูโรเปี้ยนคัพ ได้ก็ตาม
ฤดูกาล 2006-07 เป็นโอกาสของ เชลซี ที่มีลุ้นในช่วงเวลาของ โชเซ่ มูรินโญ่ หลังจากคว้าแชมป์แรก ลีกคัพ แต่มาตกรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก วันที่ 1 พฤษภาคม ในพรีเมียร์ลีก ก็มาแผ่วปลาย 5 เกมสุดท้ายที่เสมอรวด จนหล่นมาจบรองแชมป์
สองฤดูกาลถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด ใกล้เคียงกับการทำได้มากที่สุด เริ่มต้นจากแชมป์ลีกคัพ ก่อนตกรอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ ด้วยการแพ้ดวลจุดโทษต่อ เอฟเวอร์ตัน หลังจากนั้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และอุตส่าห์เข้าชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ แต่ก็แพ้ต่อ บาร์เซโลน่า ไปแบบสบายๆ
และหนล่าสุดเกิดขึ้นกับ แมนฯ ซิตี้ ในยุคของ มานูเอล เปเยกรินี่ ที่เริ่มต้นด้วยแชมป์ลีกคัพ แต่ต้องมาดับความฝัน 4 แชมป์ในช่วงเวลาเพียง 4 วัน จากการตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอคัพ ด้วยการแพ้ต่อ วีแกน แอธเลติก วันที่ 9 มีนาคม ต่อด้วยจอดรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ลีก แพ้ บาร์เซโลน่า 12 มี.ค.
แม้แต่ในยุคของ เป๊ป ซีซั่นก่อน ที่โชว์ฟอร์มไร้เทียมทาน และสร้างสถิติใหม่เอาไว้มากมายกับการเข้าป้ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบม้วนเดียวจบ แต่ต้องจอดป้าย เอฟเอคัพ รอบ 5 ตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์ เมื่อแพ้ต่อ วีแกน ทีมที่ชอบเล่นงาน เรือใบสีฟ้า ในบอลถ้วย
มาถึงฤดูกาลนี้ เรือใบสีฟ้า ประเดิมแชมป์ลีกคัพ (คาราบาวคัพ) ไปแล้ว รอเล่นรอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ เจอกับ ไบรท์ตัน วันที่ 6 เมษายน และจะรู้เรื่องว่าเข้ารอบหรือตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ลีก กับ สเปอร์ส หลังจบเกมสอง วันที่ 17 เมษายน
หาก เป๊ป พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ, เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก และเก็บเกมตกค้างกลับขึ้นนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง
ถึงตอนนั้น 'ควอดรูเพิลแชมป์' ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝันแล้ว