23 ปีที่แล้ว เคยเกิดเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เมื่อครั้ง เดวิด บุสท์ อดีตกองหลัง โคเวนทรี มาเยือนโรงละครแห่งความฝัน
8 เมษายน 1996 เป็นวันสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตของ บุสท์ ไปตลอดกาล กับการพรากเกมลูกหนังไปจากชีวิตของนักฟุตบอลคนหนึ่งในวัย 29 ปี และฝันร้ายก็ยังติดตัวไปตลอดชีวิต กับการต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการบาดเจ็บครั้งนี้
ย้อนกลับไปในเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังเบียดบี้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับมือ โคเวนทรี ซิตี้ หนึ่งในทีมที่กำลังลุ้นหนีตกชั้นสุดชีวิต
ประตูชัย 1-0 ของ เอริก คันโตน่า ช่วงต้นครึ่งหลัง ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 50,332 คนในสนาม ไม่ถูกจดจำเท่าอุบัติเหตุขาหักสุดสยองของ บุสท์ ในจังหวะปะทะกับ เดนิส เออร์วิน และ ไบรอัน แม็คแคลร์
ภาพจำยังติดตาทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ บุสท์ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน และเจ้าหน้าที่สนามต้องใช้เวลานานหลายนาทีในการเททรายกลบคราบเลือดบริเวณกรอบเขตโทษหน้าปากประตู
และภาพขาหักเป็นรูปตัว 'L' ของ บุสท์ ก็ถูกบันทึกผ่านเลนส์กล้องให้ถูกจดจำไปตลอดกาล
"ไม่ใช่ผมที่เป็นที่รู้จัก แต่มันเป็นขาท่อนล่างของผม" บุสท์ ในวัย 51 ปี เล่าถึงการเผชิญหน้ากับการผ่าตัดถึง 22 ครั้งจากอุบัติเหตุในเกมลูกหนังเมื่อ 23 ปีที่แล้ว
ภายหลังเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด บุสท์ จำเป็นต้องผ่าตัดถึง 10 ครั้งในช่วงเวลา 12 วัน และต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลทุกสัปดาห์ตลอด 6 เดือนแรก เพราะบาดแผลที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง
"แพทย์บอกหลังจากสามสัปดาห์แรกว่าผมอาจต้องผ่าตัดขาตั้งแต่หัวเข่าลงมา เพราะตอนนั้นการติดเชื้อได้แพร่กระจายไปทั่วแล้ว"
"คุณลืมเรื่องการเล่นฟุตบอลไปได้เลย คุณได้แต่คิดว่า ผมจะสามารถเดินได้หรือเปล่า ออกกำลังกายได้หรือเปล่า เมื่อคุณได้ยินแบบนั้น ทุกอย่างผุดขึ้นมาอยู่ในหัวเต็มไปหมด"
และแน่นอนที่สุด เกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นั่นคือเกมสุดท้ายอย่างเป็นทางการของ บุสท์
ระหว่างพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เดินทางมาเยี่ยมและมอบหนังสือของ คันโตน่า เป็นของขวัญให้ ซึ่ง บุสท์ ก็เล่าประวัติชีวิตนักฟุตบอลจากนอกลีกให้ผู้จัดการทีมที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในอังกฤษเวลานั้นฟัง
"เฟอร์กี้ นั่งอยู่กับแม่ของผม เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เธอถามผมว่าเขาเป็นใคร รู้จักผมได้ยังไง และทำไมเธอถึงไม่รู้จักเขา แต่พ่อของผมรู้จักนะ บิ๊กรอน (รอน แอ๊ตกินสัน อดีตผู้จัดการทีม โคเวนทรี) ก็มาเยี่ยมผมด้วย กำลังใจที่ผมได้รับช่างเหลือเชื่อจริงๆ" บุสท์ เล่าด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
"ปีแรกผมไม่ได้ทำอะไรเลย การผ่าตัดเป็นบททดสอบสำคัญด้านจิตใจ และการสนับสนุนต่างๆ รอบตัวของผม จากทั้งครอบครัว ภรรยา และ พีเอฟเอ (สมาคมนักฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ) ที่ทำให้ผมผ่านช่วงเวลาแรกมาได้ และแน่นอนที่สุด ผมจะไม่ได้เล่นฟุตบอลอีกแล้ว"
"มันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมช็อกอะไรมากมาย เมื่อศัลยแพทย์กระดูกและข้อยืนยันสิ่งที่ผมคิด มันน่าเสียใจที่ถูกบอกว่า ผมจะไม่สามารถเล่นฟุตบอลได้อีก ช่วงเวลานั้นมันยากลำบากมาก"
หลังผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้ 4 ปี บุสท์ เริ่มกลับมาเล่นฟุตบอล 5 คนได้อีกครั้ง
"สัญชาติญาณของผมบอกให้ผมออกไปลงเล่น ปะทะ กระโดด หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้หายไปจากตัวผมเลย ผมใช้เวลาหลายปีอยู่กับทีมนั้น"
เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวในอดีต บุสท์ ไม่แสดงให้เห็นถึงความขมขื่นหรือเสียใจกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่กลับซาบซึ่งใจที่อาการบาดเจ็บครั้งนั้นช่วยทำให้เขามีชีวิตใหม่ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานด้านการกุศลของ โคเวนทรี ซิตี้
บุสท์ เข้าร่วมหน่วยงานการกุศลของสโมสรตั้งแต่ปี 1997 ตอนที่มีสมาชิกเพียง 4 คน แต่ปัจจุบัน อดีตกองหลัง โคเวนทรี มีสมาชิกในการดูแลมากถึง 71 ชีวิต และที่น่าภาคภูมิใจคือการมีชื่ออยู่ในชอร์ทลิสท์หน่วยงานยอดเยี่ยมประจำปี 2018
"ตอนนี้ผมเปลี่ยนแปลงไปมาก ผมไม่มีผมเหลืออยู่สักเส้นแล้ว แต่ถ้าผมไปพักร้อนที่ชายหาด แฟนบอลก็จะเข้ามาขอถ่ายรูป และบอกว่า "ฉันอยู่ในเกมนั้นด้วย""
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ เดวิด บุสท์ อดีตกองหลังธรรมดาๆ คนหนึ่งของทีมหนีตกชั้นอย่าง โคเวนทรี ซิตี้