วันอาทิตย์นี้ ศึกแชมเปี้ยนชิพ เดินทางเข้าสู่เกมสุดท้ายของฤดูกาลแล้ว และบทสรุปก็ได้รู้เรื่องกันเกือบครบแล้ว เหลือแค่พื้นที่เพลย์ออฟอีกทีมเดียว
หัวตารางมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงกลางซีซั่น แต่หลังจาก นอริช ซิตี้ ปีนจากอันดับ 2 ขึ้นมาเป็นจ่าฝูงหลังจบเกมที่ 33 นกขมิ้นเหลืองอ่อน ก็ไม่เคยเสียบัลลังก์อีกเลย จนกระทั่งการันตีเลื่อนชั้น
และที่สร้างเซอร์ไพรส์คือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เพราะหลังจบเกมที่ 23 หรือผ่านครึ่งทางของฤดูกาล ดาบคู่ หล่นมาอยู่อันดับ 6 ถูกสองทีมนำอย่าง ลีดส์ กับ นอริช ทิ้งไปไกล แต่ใครจะเชื่อว่า ทีมของกุนซือ คริส วิลเดอร์ ติดเครื่องจนได้เลื่อนชั้นสำเร็จหลังจบเกมรองสุดท้ายเช่นกัน
ที่น่าช้ำใจคือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ของกุนซือ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ที่เหมือนจะทำทีมไปได้สวยแล้วในช่วงออกสตาร์ต แต่เล่นไปเล่นมา ยูงทอง ดูเหมือนจะยึดติดกับแท็กติกมากเกินไป จนเสียท่าสะดุดหลายต่อหลายเกม เพราะสู้ลูกบู๊ของคู่แข่งไม่ไหว
เลื่อนชั้นอัตโนมัติ
ได้บทสรุปที่ชัดเจนแล้วว่า นอริช ซิตี้ กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด คือสองทีมที่คว้าตั๋วสู่พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20 จะเหลือก็เพียงการลุ้นแชมป์ที่ตอนนี้ นกขมิ้นเหลืองอ่อน นำ ดาบคู่ อยู่สามคะแนน
นอริช ซิตี้
นอริช ขออีกเพียงคะแนนเดียวก็จะครองแชมป์แชมเปี้ยนชิพฤดูกาลนี้ทันที ขณะที่ เชฟฯ ยูไนเต็ด ก็ยังมีโอกาส หากเก็บสามแต้มแล้วลุ้นให้ นกขมิ้นเหลืองอ่อน แพ้ เพราะประตูได้เสียนาทีนี้ ดาบคู่ ดีกว่า
และก็มีโอกาสไม่น้อยเหมือนกัน เพราะเกมสุดท้ายของฤดูกาลเจองานหนักทั้งคู่ นอริช บุกเยือน แอสตัน วิลล่า ขณะที่ เชฟฯ ยูไนเต็ด บุกบ้าน สโต๊ค ซิตี้
สำหรับ นอริช ของกุนซือ ดาเนียล ฟาร์เค่ ที่เข้ามาคุมทีมเป็นฤดูกาลที่สอง นี่คือการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกหนที่ 3 ในรอบ 9 ฤดูกาลของสโมสร และจะเป็นการสัมผัสลีกสูงสุดนับตั้งแต่ซีซั่น 2015-16
ขณะที่ เชฟฯ ยูไนเต็ด ถือเป็นก้าวกระโดดที่ไม่ธรรมดา เพราะซีซั่น 2016-17 ยังเล่นอยู่ในลีกวันอยู่เลย แต่ถึงตอนนี้ได้เลื่อนชั้น 2 ขั้นในช่วงเวลา 3 ปี และคนที่ต้องได้รับเครดิตมากที่สุดก็คือ คริส วิลเดอร์ กุนซือที่เข้ามาปลุกปั้นทีมในปี 2016 และพาทีมคว้าแชมป์ลีกวันตั้งแต่ซีซั่นแรก
และเวลานี้ ดาบคู่ ก็ได้กลับคืนเวทีพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2006-07
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
รอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้น
ลีดส์ ยูไนเต็ด, เวสต์บรอมวิช อัลเบียน, แอสตัน วิลล่า คือสามทีมที่การันตีพื้นที่นี้เป็นที่เรียบร้อย เหลือแค่ว่า ลีดส์ กับ เวสต์บรอม ใครจะจบอันดับ 3 กับ 4 ส่วน วิลล่า ล็อคอันดับ 5 แน่นอนแล้ว
ในบรรดาทีมเพลย์ออฟ ยูงทอง คือทีมที่ผิดหวังมากที่สุด เพราะอุตส่าห์นำจ่าฝูงหลายช่วงเวลา (หลังจบเกมที่ 4-9, 11, 14, 16, 22-29 และ 32) แต่พอเข้าสู่ 14 เกมสุดท้าย กลับต้องมาดิ้นรนแย่งรองจ่าฝูงกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด และสุดท้ายทีมของ บิเอลซ่า ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ลีดส์ ยูไนเต็ด
บิเอลซ่า พยายามนำรูปแบบการเล่นสมัยใหม่ที่ใช้อย่างแพร่หลายในลีกยุโรป นั่นคือการเน้นครองบอล และต่อบอลสั้นจากผู้รักษาประตู แต่พอถึงช่วงท้ายฤดูกาล ที่หลายทีมต้องดิ้นรนเพื่อพื้นที่เพลย์ออฟ เพื่อหนีตกชั้น ยังไงก็สู้ลูกกลางอากาศไม่ไหว
อีกทีมที่น่าสนใจคือ แอสตัน วิลล่า ที่กุนซือ ดีน สมิธ เข้ามารับช่วงต่อจาก สตีฟ บรูซ ที่ตอนนั้นสถานการณ์ของทีมอยู่อันดับ 12
ผลงานของทีมไม่ได้ใกล้เคียงกับพื้นที่เพลย์ออฟเลย โดยเฉพาะช่วง 3 เดือน ธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ ที่ตลอด 14 นัด พบชัยชนะเพียง 2 เกมเท่านั้น สถานการณ์ตอนนี้อยู่เพียงอันดับ 11 ตามอันดับ 6 แบบห่างๆ
แต่ สมิธ ก็ทำเรื่องที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ เมื่อพา แอสตัน วิลล่า ชนะ 10 เกมรวด สร้างสถิติใหม่ให้กับสโมสร จนคว้าตั๋วเพลย์ออฟสำเร็จ
แอสตัน วิลล่า
เกมสุดท้ายของฤดูกาลจึงเหลือลุ้นแค่อันดับ 6 ที่ตอนนี้มีความเป็นไปได้สามทีม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ (71 คะแนน), มิดเดิลสโบรช์ (70 คะแนน) และ บริสตอล ซิตี้ (69 คะแนน)
วันอาทิตย์นี้ ดาร์บี้ จะเปิดบ้านเจอกับ เวสต์บรอมวิช, มิดเดิลสโบรช์ บุกเยือน ร็อทเธอร์แฮม และ บริสตอล ซิตี้ บุกเยือน ฮัลล์ ซิตี้
ตกชั้นสู่ลีกวัน
สุดท้ายคือสามทีมที่ตกชั้นสู่ลีกวันฤดูกาลหน้า อิปสวิช ทาวน์ ครองบ๊วยอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล หลังจากผ่าน 21 เกมแรก ชนะแค่นัดเดียว และสุดท้ายก็หยุดการลงเล่นลีกแชมเปี้ยนชิพเอาไว้ที่ 17 ฤดูกาลติดต่อกัน หลังจากคอนเฟิร์มตกชั้นสู่ลีกวันตั้งแต่กลางเดือนเมษายน
โบลตัน วันเดอเรอร์ส
อีกทีมที่ประสบปัญหาทั้งในและนอกสนามในฤดูกาลนี้คือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ที่อุตส่าห์เลื่อนชั้นมาจากลีกวันเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปที่เดิม เพราะปัญหาภายในโดยเฉพาะเรื่องการค้างจ่ายค่าจ้างนักเตะและทีมงานตั้งแต่เดือนมีนาคม
และทีมสุดท้ายที่ตกชั้น ร็อทเธอร์แฮม ที่ตลอดทศวรรษที่่ผ่านมา ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ระหว่าง แชมเปี้ยนชิพ, ลีกวัน, ลีกทู ซึ่งปัญหาสำคัญคือฟอร์มนอกบ้านที่ชนะเกมเดียวเท่านั้นจาก 23 นัดตลอดฤดูกาล
หลังจากนี้ แชมเปี้ยนชิพ จะน่าติดตามมากยิ่งขึ้น เมื่อเข้าสู่โปรแกรมเพลย์ออฟ รอบรองชนะเลิศ ทั้ง 4 เกมเหย้า-เยือน ที่จะเล่นระหว่างวันที่ 11-15 พฤษภาคม และจบที่การชี้ชะตาที่ เวมบลีย์ 27 พ.ค.
