:::     :::

เมื่อแมนเชสเตอร์กลายเป็นสีฟ้า

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2562 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
2,027
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
2 ทศวรรษที่แล้ว เมืองแมนเชสเตอร์ถูกปกคลุมไปด้วยสีแดง หลังจาก ยูไนเต็ด คว้าเทรบเบิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

26 พฤษภาคม 1999 เท็ดดี้ เชอริงแฮม กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยิงสองประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่สนาม คัมป์ นู พา ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์โค่น บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ใบที่สามไปครองอย่างยิ่งใหญ่

ภาพตัดมาที่ ซิตี้ ในช่วงเวลานั้น ท้องฟ้าถูกเมฆดำกลืนหายกลายเป็นสีเทา
ซิตี้ ต้องเผชิญมรสุมครั้งใหญ่ จากการตกไปเล่นดิวิชั่น 2 (ระดับดิวิชั่น 3 หรือ ลีกวัน ปัจจุบัน) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เข้าสู่ระบบฟุตบอลลีกของอังกฤษเมื่อปี 1892 เป็นต้นมา
30 พฤษภาคม 1999 ซิตี้ ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ เพลย์ออฟ ดิวิชั่น 2 เจอกับ จิลลิงแฮม ที่สนาม เวมบลีย์
ความฝันที่จะเลื่อนชั้นกลับสู่ ดิวิชั่น 1 แทบจะกลายเป็นศูนย์ หลังจาก จิลลิงแฮม ได้ประตูหนีห่าง 2-0 ในนาที 87 แต่ประตูของ เควิน ฮอร์ล็อค ในนาทีสุดท้าย ก็จุดประกายความหวังให้ ซิตี้
ก่อนที่ พอล ดิ๊กคอฟ ยิงประตูสำคัญตีเสมอ 2-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 95 จนต้องไปดวลจุดโทษตัดสิน และ ซิตี้ ก็คว้าชัยชนะสุดสำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่ทำให้หลุดพ้นจากดิวิชั่น 2 เพียงแค่ปีเดียว
หลังจากคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 เมื่อปี 2002 นั่นคือฤดูกาลสุดท้ายในลีกรอง เพราะนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซิตี้ ยืนหยัดอยู่ในพรีเมียร์ลีกมาโดยตลอด แม้ออกอาการกระท่อนกระแท่นหลายต่อหลายฤดูกาล
1 กันยายน ปี 2008 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่พลิกโฉม ซิตี้ เมื่อ ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เจ้าของกลุ่มทุน อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสร และมอบหมายให้ คัลดูน อัล มูบารัค ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรในเวลาต่อมา
ซิตี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในทีมครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในแนวรุก ที่ฤดูกาล 2006-07 ดาวซัลโวของทีมคือ โจอี้ บาร์ตัน กองกลางฮาร์ดแมน ยิงไปเพียง 7 ประตู และซีซั่นถัดมาเป็นของกองกลางบราซิล เอลาโน่ ที่ซัลโวไป 10 ลูก
การสร้างทีมให้แข็งแกร่งไม่สามารถทำได้ภายในปีสองปี และการเสริมทัพในแต่ละฤดูกาล ก็ต้องมีการลองผิดลองถูก กว่าจะเจอเพชรเม็ดงามจริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย
การเซ็นสัญญากับ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ในปี 2008, ดาบิด ซิลบา ปี 2010, เซร์คิโอ อเกวโร่ ปี 2011 ถูกยกให้เป็นสามการเสริมทัพที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
ผู้จัดการทีมก็เช่นกัน มาร์ค ฮิวจ์ส ถูกไล่ออกหลังจากคุมทีมเพียงปีเศษๆ และแต่งตั้ง โรแบร์โต้ มันชินี่ เข้ามาคุมทัพตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2009
ประตูชัยของ ยาย่า ตูเร่ รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ปี 2011 ที่ยิงดับ สโต๊ค 1-0 กลายเป็นโทรฟี่แรกของ ซิตี้ นับตั้งแต่คว้าแชมป์ลีกคัพในปี 1976 และเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จในยุคของ ชีค มานซูร์
เซร์คิโอ อเกวโร่ ตะบันประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2011-12 เป็นการครองแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 44 ปี นับตั้งแต่ที่ โจ เมอร์เซอร์ พาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1967-68
มานูเอล เปเยกรินี่ คือกุนซือที่เข้ามารับช่วงต่อจาก มันชินี่ และพาทีมได้อีกสามแชมป์ ซึ่งเป็นดับเบิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ ลีกคัพ ฤดูกาล 2013-14 และ ลีก คัพ อีกครั้งในปี 2016
จากนั้นจึงเข้าสู่ยุคของ โจเซป 'เป๊ป' กวาร์ดิโอล่า ที่เริ่มต้นซีซั่นแรก 2016-17 แบบมือเปล่า แต่ซีซั่นต่อมาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ ลีกคัพ
และฤดูกาลนี้ที่เพิ่งจบลง ชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ทำให้ ซิตี้ กลายเป็นทีมแรกที่คว้าเทรบเบิ้ลแชมป์ภายในประเทศ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ (หรือ คาราบาวคัพ ปัจจุบัน)
เท่ากับว่า นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ที่เข้าสู่ยุคของ ชีค มานซูร์ (ก่อตั้งเป็นบริษัท ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ในปี 2014) ซิตี้ กวาดแชมป์มาครองมากถึง 10 โทรฟี่ในช่วงเวลา 11 ปี มากกว่าตลอดระยะเวลา 114 ปีก่อนหน้านั้น ที่ได้ครอบครองโทรฟี่เพียง 9 ใบ
หากไม่มีประตูของ พอล ดิ๊กคอฟ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซิตี้ ก็อาจไม่ได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการฟุตบอลอังกฤษอย่างทุกวันนี้

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด