สุดสัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาของเกมเพลย์ออฟ ฟุตบอลลีกอังกฤษ ที่จะทราบแล้วว่าตั๋วสามใบสุดท้าย ทีมใดจะเลื่อนชั้นสู่ลีกวัน, แชมเปี้ยนชิพ และพรีเมียร์ลีก
รอบชิงชนะเลิศ เพลย์ออฟของ แชมเปี้ยนชิพ เป็นเกมที่น่าจับตามองมากที่สุด ระหว่าง แอสตัน วิลล่า กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่จะใช้สนาม เวมบลีย์ เป็นเกมที่สามในรอบสามวัน ลงเตะตอนบ่าย 3 ตามเวลาประเทศอังกฤษ หรือ 3 ทุ่มตามเวลาประเทศไทย ของวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม
ว่ากันว่า เกมนี้จะเป็นการชิงชัยเม็ดเงินมหาศาลราวๆ 170 ล้านปอนด์ สำหรับการปรากฏตัวอยู่ในเวทีพรีเมียร์ลีกตลอดฤดูกาล 2019-20 และที่สำคัญไปกว่ารายได้ต่างๆ คือการลงหลักปักฐานและสร้างทีมเพื่อหวังอยู่ในลีกสูงสุดต่อไปแบบระยะยาว
แอสตัน วิลล่า
สโมสรดังแห่งเวสต์มิดแลนด์ส มีประวัติศาสตร์ที่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ร่วมก่อตั้งฟุตบอลลีกครั้งแรกในปี 1888 และเป็นหนึ่งในสมาชิก 22 ทีมยุคเริ่มต้นพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 1992-93 ที่จบซีซั่นด้วยการเป็นรองแชมป์ เป็นรองแค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมเดียว
นับตั้งแต่เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด (ดิวิชั่น 1 เดิม) ในปี 1988 แอสตัน วิลล่า โลดแล่นอยู่ในลีกที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลกนานถึง 28 ฤดูกาล ก่อนพลาดท่าตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ เมื่อสามปีที่แล้ว
สตีฟ บรูซ ก้าวเข้ามาดูแลทีมในเดือนตุลาคม ปี 2016 ปลุกทีมจากอันดับ 19 ให้มาจบฤดูกาล 2016-17 ในอันดับ 13 จากนั้นพาทีมจบอันดับ 4 ซีซั่นถัดมา แต่รอบชิงเพลย์ออฟ แพ้ต่อ ฟูแล่ม 0-1 ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของ จอห์น เทอร์รี่ ที่ประกาศแขวนสตั๊ด
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฤดูกาลนี้อยู่ที่การดึง ดีน สมิธ มาจาก เบรนท์ฟอร์ด แทนที่ บรูซ ในเดือนตุลาคม และพาทีมจากอันดับ 12 ในตอนนั้น ขึ้นมาจบฤดูกาลในอันดับ 5 เป็นผลพวงมาจากการสร้างสถิติใหม่ให้สโมสรด้วยการชนะรวด 10 เกมระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน
"นี่ไม่ใช่เกมธรรมดาๆ คุณรู้ดีอยู่แล้ว คุณไม่อาจปกปิดมันได้"
"เราลงเล่นเกมที่ต้องชนะมาตลอด 15 หรือ 16 เกม และตอนนี้เกมวันจันทร์ก็จะยังคงเหมือนเดิม" สมิธ ที่จะคุมทีมลงเล่นรอบชิงเพลย์ออฟเป็นครั้งแรกในชีวิต กล่าว
ในอดีต สมิธ เคยสัมผัสเกมเพลย์ออฟ รอบชิงชนะเลิศ สองครั้งในฐานะนักเตะ และเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำทั้งสองครั้งกับ เลย์ตัน โอเรียนท์ ที่แพ้ต่อ สคันธอร์ป ปี 1999 และแพ้ แบล็คพูล ในอีก 2 ปีต่อมา สมัยค้าแข้งอยู่ในลีกระดับดิวิชั่น 4 (หรือ ลีกทู ปัจจุบัน)
ฤดูกาลปกติ แอสตัน วิลล่า ล่อเป้า ดาร์บี้ ไปถึง 7 ประตูจาก 2 นัด แถมยังไม่เสียประตูเลย โดยเกมแรกบุกชนะที่ ไพรด์ พาร์ค 3-0 และนัดสองเปิดรัง วิลล่า พาร์ค ถล่ม 4-0 ทำให้ สิงห์ผงาด คว้าชัยชนะเหนือ แกะเขาเหล็ก ถึง 6 จาก 9 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ
แทมมี่ อาบราฮัม คือคนที่ยิงได้ทั้งสองเกมในการเจอกับ ดาร์บี้ ซีซั่นนี้ เมื่อรวมกับสมัยเล่นให้ บริสตอล ซิตี้ แล้ว กองหน้าดาวรุ่งจาก เชลซี ซัลโว เดอะ แรมส์ ไปถึง 4 ประตู
อาบราฮัม จบฤดูกาลด้วยการยิงไปถึง 25 ประตูในแชมเปี้ยนชิพ เป็นรองดาวซัลโวร่วม ตามหลัง ทีมู พุกกี้ กองหน้าของทีมแชมเปี้ยน นอริช ที่ยิงไป 29 ประตูเพียงคนเดียว
สำหรับแฟนๆ แอสตัน วิลล่า นี่คือหนึ่งในเกมที่บีบหัวใจสุดๆ เพราะเป็นการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เพลย์ออฟ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน เป็นทีมแรกที่ทำได้ในแชมเปี้ยนชิพ นับตั้งแต่ เวสต์แฮม (เข้าชิงปี 2004 แพ้ และเข้าชิงปี 2005 ชนะ) ขณะที่ เลสเตอร์ เคยเข้าชิง 3 ปีติดต่อกัน โดยแพ้ในปี 1992 กับ 1993 และชนะในปี 1994
ประวัติการลงเล่นใน เวมบลีย์ ของ แอสตัน วิลล่า ถือว่าขี้เหร่ทีเดียว 6 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ แพ้ถึง 5 นัด ชัยชนะเกมเดียวเกิดขึ้นในเดือนเมษายนปี 2015 ที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล รอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ
ดาร์บี้ เคาน์ตี้
สโมสรจากอีสต์มิดแลนด์ส เป็น 1 ใน 12 ทีมยุคก่อตั้งฟุตบอลลีกในปี 1888 เช่นเดียวกัน ร่วมกับ แอคคริงตัน, แบล็คเบิร์น, โบลตัน, เบิร์นลี่ย์, เอฟเวอร์ตัน, น็อตต์ส เคาน์ตี้, เปรสตัน, สโต๊ค, เวสต์บรอมวิช, วูลฟ์แฮมป์ตัน และ แอสตัน วิลล่า
ดาร์บี้ ปรากฏตัวในเวทีพรีเมียร์ลีกครั้งแรกคือตอนเลื่อนชั้นในปี 1996 ในยุคที่มี ดีน สเตอร์ริดจ์ เป็นตัวชูโรง และฟุตบอลอังกฤษก็ได้รู้จักกองหน้าจากคอสตาริกา เปาโล วานโชเป้ ในปีต่อมา
หลังเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก 6 ฤดูกาล แกะเขาเหล็ก ก็ตกชั้น ก่อนกลับขึ้นมาอีกครั้งในปี 2007 จากชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศ เพลย์ออฟ เหนือ เวสต์บรอมวิช
แต่ด้วยความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน ทำให้ ดาร์บี้ สร้างสถิติอันเลวร้ายต่างๆ เอาไว้ในฤดูกาล 2007-08
ไม่ว่าจะเป็นการเก็บแต้มได้น้อยที่สุดเพียง 11 คะแนน เก็บแต้มเกมเยือนน้อยที่สุดเพียง 3 คะแนน ชนะตลอดทั้งฤดูกาลน้อยที่สุดเพียงเกมเดียว เช่นเดียวกับชนะในบ้านน้อยที่สุดเกมเดียว เป็น 1 ใน 6 ทีมที่ไม่ชนะเลยในฐานะทีมเยือน และไม่ชนะติดต่อกันยาวนานที่สุด 32 เกม
ซึ่งสถิติที่เอ่ยมาทั้งหมดยังคงไม่มีทีมใดทำลาย ดาร์บี้ ลงได้ในซีซั่นนั้น
และนั่นคือฤดูกาลสุดท้ายที่ แกะเขาเหล็ก มีชื่ออยู่ในพรีเมียร์ลีก
ฤดูกาลนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญขึ้น เมื่อผู้จัดการทีม แกรี่ โรเว็ตต์ ที่พาทีมจบอันดับ 6 ซีซั่น 2017-18 และแพ้ ฟูแล่ม ในรอบรองชนะเลิศ เพลย์ออฟ ตัดสินใจอำลาไปคุม สโต๊ค ทำให้ ดาร์บี้ เสี่ยงเลือก แฟร้งค์ แลมพาร์ด อดีตกองกลางระดับตำนานของ เชลซี เข้ามาคุมทัพ ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์ผู้จัดการทีมมาก่อน
"ไม่ว่าเกมนี้จะมีค่ามากแค่ไหน นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ ผมอยากให้พวกนักเตะสนุกกับเกม ผมเคยผ่านเกมรอบชิงชนะเลิศ และเกมใหญ่ๆ โดยที่ผมไม่ได้สนุกกับมัน และช่วงเวลาเหล่านั้นมันก็ผ่านไป ผมไม่อยากให้ลูกทีมของผมเจออะไรแบบนั้น"
"ผมต้องการให้พวกเขาเล่นอย่างมีอิสระ เราสามารถเอาชนะในเกมนี้ได้ และแพ้ในเกมนี้ได้เช่นกัน แต่ตราบใดที่นักเตะทุ่มเทหมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ผมก็จะภาคภูมิใจ และแฟนบอลก็คงคิดเช่นเดียวกัน" กุนซือหนุ่มวัย 40 ปี กล่าว
ในอดีต ดาร์บี้ เคยผ่านเกมเพลย์ออฟ รอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนชิพ (หรือเทียบเท่าระดับดิวิชั่น 2) มาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1994 แพ้ต่อ เลสเตอร์ ครั้งต่อมา ปี 2007 ชนะ เวสต์บรอมวิช และหนล่าสุดปี 2014 แพ้ต่อ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส
ทีมชุดนี้ของ แลมพาร์ด มีดาวเด่นหลายคน หนึ่งในนั้นคือ แฮร์รี่ วิลสัน
ปีกทีมชาติเวลส์ที่ยืมมาจาก ลิเวอร์พูล ซัลโวไป 15 ประตูในฤดูกาลปกติ บวกกับ 1 ประตูที่ยิง ลีดส์ รอบรองชนะเลิศ เพลย์ออฟ และด้วยฟอร์มโดดเด่นในช่วงหลัง มีส่วนร่วมกับประตูของ แกะเขาเหล็ก ถึง 8 ประตูจาก 10 เกมหลังสุด (6 ประตูกับ 2 แอสซิสต์)
จากสถิติในอดีต ทีมที่จบฤดูกาลอันดับ 6 มีเพียงครั้งเดียวที่ได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก เกิดขึ้นกับ แบล็คพูล ในปี 2010 นอกนั้นต่างล้มเหลวทั้งหมดตลอด 13 ฤดูกาลที่่ผ่านมา
ที่เอ่ยมาทั้งหมด เป็นเพียงผลงานที่เคยเกิดขึ้น ประวัติ และสถิติต่างๆ ในอดีต ไม่ส่งผลอะไรต่อเกมที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ เวมบลีย์ วันจันทร์นี้
ตั๋วสู่พรีเมียร์ลีกใบสุดท้ายจะเป็นของ แอสตัน วิลล่า หรือ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ จะถูกตัดสินในอีก 90 นาที 120 นาที หรืออาจต้องดวลจุดโทษตัดสิน มีความเป็นไปได้ทั้งหมด