ภารตะฟีล์ม ภูมิใจเสนอ "จากนรกสู่สวรรค์ ณ ดินแดนโกลกาตา"
ทันทีที่เห็นลูกยิงอีซ้ายของ เซร์คิโอ โกเมซ กระทบตาข่ายจนพลิ้วไหว นักเตะเสื้อขาวต่างยืนนิ่ง ราวกับโลกหยุดหมุน
ทุกอย่างดูเหมือนจะจบตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก หลังจาก สเปน ได้ประตูหนีห่าง 2-0
แต่บอลเด็กไม่มี 'แท็กติก' อะไรมากนัก ทุกทีมต่างเปิดเกมรุกใส่กัน ใครสร้างโอกาสดีกว่า ใครคมกว่า ก็ชนะไป และหลังจากนั้นก็ถึงคราว อังกฤษ บ้าง
ประกายแห่งความหวังก็ถูกจุดขึ้นในช่วงท้ายครึ่งแรก รีอัน บรูว์สเตอร์ ใช้ศีรษะสะกิดบอลเข้าไป ทำให้ยังพอมองเห็นแสงรำไรในอีก 45 นาทีหลัง
โมเมนตัมกลับมาอยู่ฝั่ง อังกฤษ หลังจาก มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ ยิงตีเสมอตั้งแต่นาที 58 และใครจะเชื่อว่า 'สิงโต' จะมายิงอีก 3 ประตูจาก ฟิล โฟเด้น 2 ลูก และ มาร์ค กูอี ดับความฝันของ สเปน ที่จะเป็นแชมป์โลกสมัยแรกจากการเข้าชิงชนะเลิศครั้งที่ 4
สำหรับ อังกฤษ พวกเขามาไกลเกินคาด เพราะนี่เพิ่งเป็นการเข้าสู่รอบไฟนอลครั้งแรก และได้ชูถ้วยแชมป์เวิลด์คัพ ยู-17 ไปครองทันที
ก่อนอื่นเลย อยากพาไปแนะนำให้รู้จักนักเตะ สิงโตคำราม ชุดนี้กันก่อน ว่ามีใครเล่นตำแหน่งไหน อยู่สโมสรใด และได้ลงเกมไหนกันบ้าง
เริ่มจากรายชื่อทั้ง 21 คน
ผู้รักษาประตู 3 คน 1.เคอร์ติส แอนเดอร์สัน (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), 13.โจเซฟ บูร์ซิค (สโต๊ค ซิตี้), 21 วิลเลียม เครลลิน (ฟลีทวู้ด ทาวน์)
กองหลัง 6 คน 2.ทีโมที เอโยม่า (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), 3.ลูอิส กิ๊บสัน (เอฟเวอร์ตัน), 5.มาร์ค กูอี (เชลซี), 6.โจนาธาน พานโซ่ (เชลซี), 15.โจเอล ลาทีบิวเดียเร่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), 18.สตีเว่น เซสเซยง (ฟูแล่ม)
กองกลาง 10 คน 4.จอร์จ แม็คเอแครน (เชลซี), 7.ฟิล โฟเด้น (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), 8.เทชาน โอ๊คลี่ย์-บูท (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), 10.อังเกล โกเมส (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), 11.เจดอน ซานโช่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), 12.เนีย เคอร์บี้ (คริสตัล พาเลซ), 14.คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย (เชลซี), 17.เอมิล สมิธ-โรว์ (อาร์เซน่อล), 19.มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ (วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), 20.คอเนอร์ กัลลาเกอร์ (เชลซี)
และกองหน้า 2 คน 9.รีอัน บรูว์สเตอร์ (ลิเวอร์พูล) กับ 16.แดนนี่ ลัวเดอร์ (เร้ดดิ้ง)
นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มที่ถล่ม ชิลี 4-0 ได้ประตูจาก คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย นาที 5, เจดอน ซานโช่ 2 ลูก นาที 51 กับ 60 และ อังเกล โกเมส นาที 81
สิบเอ็ดตัวจริงประกอบด้วย แอนเดอร์สัน, เอโยม่า, กูอี, ลาทีบิวเดียเร่, พานโซ่, แม็คเอแครน, โอ๊คลี่ย์-บูท, ซานโช่, โฟเด้น, ฮัดสัน-โอดอย, บรูว์สเตอร์ สำรอง 3 คน โกเมส แทน ฮัดสัน-โอดอย นาที 67, กิ๊บบ์ส-ไวท์ แทน ซานโช่ นาที 77, เคอร์บี้ แทน โอ๊คลี่ย์-บูท นาที 77
นัดสองที่เชือด เม็กซิโก 3-2 จากประตูของ รีอัน บรูว์สเตอร์ นาที 39, ฟิล โฟเด้น นาที 48 และ เจดอน ซานโช่ จุดโทษนาที 55
สิบเอ็ดตัวจริงไม่มีปรับเปลี่ยน แอนเดอร์สัน, เอโยม่า, กูอี, ลาทีบิวเดียเร่, พานโซ่, แม็คเอแครน, โอ๊คลี่ย์-บูท, ซานโช่, โฟเด้น, ฮัดสัน-โอดอย, บรูว์สเตอร์ สำรอง 3 คน โกเมส แทน ฮัดสัน-โอดอย นาที 46, กัลลาเกอร์ แทน โอ๊คลี่ย์-บูท นาที 73, กิ๊บบ์ส-ไวท์ แทน ซานโช่ นาที 82
และนัดสุดท้ายที่ถล่ม อิรัก 4-0 อังเกล โกเมส ยิงนาที 11, เอมิล สมิธ-โรว์ นาที 57 และ แดนนี่ ลัวเดอร์ 2 ลูก นาที 59 และ 71
สิบเอ็ดตัวจริงพักตัวหลักเยอะ มี เครลลิน, เซสเซยง, กูอี, ลาทีบิวเดียเร่, กิ๊บสัน, เคอร์บี้, กัลลาเกอร์, สมิธ-โรว์, โกเมส, ซานโช่, ลัวเดอร์ สำรอง 3 คน กิ๊บบ์ส-ไวท์ แทน เคอร์บี้ นาที 60, ฮัดสัน-โอดอย แทน โกเมส นาที 67, โฟเด้น แทน กูอี นาที 72
จากรอบแรกทั้ง 3 นัด คนที่โดดเด่นที่สุดในทีมคือ เจดอน ซานโช่ มิดฟิลด์ตัวรุกที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ดึงตัวไปจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ และโชคร้ายที่กุนซือ สตีฟ คูเปอร์ จะอดใช้งานในรอบน็อกเอาท์ เพราะถูกต้นสังกัดในบุนเดสลีกาเรียกตัวกลับ
ฟังดูเหมือนไม่มีเหตุผลกับการเรียก ซานโช่ กลับไปเล่นในรายการยูฟ่า ยูธ คัพ ยิ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญของทีมชาติ เหมือนเป็นการทำลายอนาคตเด็ก
รอบ 16 ทีมสุดท้าย อังกฤษ ต้องลุ้นถึงการดวลจุดโทษกว่าจะชนะ ญี่ปุ่น 5-3 หลังจาก 90 นาที เสมอ 0-0 ไม่มีต่อเวลา โดย 5 คนแรกยิงเข้าหมดทั้ง บรูว์สเตอร์, ฮัดสัน-โอดอย, โฟเด้น, แอนเดอร์สัน, เคอร์บี้
สิบเอ็ดตัวจริงมี แอนเดอร์สัน, เซสเซยง, กูอี, ลาทีบิวเดียเร่, พานโซ่, แม็คเอแครน, โอ๊คลี่ย์-บูท, โกเมส, โฟเด้น, ฮัดสัน-โอดอย, บรูว์สเตอร์ สำรอง 3 คน สมิธ-โรว์ แทน โกเมส นาที 64, กิ๊บบ์ส-ไวท์ แทน โอ๊คลี่ย์-บูท นาที 68, เคอร์บี้ แทน แม็คเอแครน นาที 78
รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ชนะ สหรัฐอเมริกา 4-1 รีอัน บรูว์สเตอร์ ยิงแฮตทริกนาที 11, 14 และจุดโทษนาที 90+6 อีกลูกจาก มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ นาที 64
สิบเอ็ดตัวจริงมี แอนเดอร์สัน, เซสเซยง, กูอี, ลาทีบิวเดียเร่, พานโซ่, แม็คเอแครน, โอ๊คลี่ย์-บูท, กิ๊บบ์ส-ไวท์, โฟเด้น, ฮัดสัน-โอดอย, บรูว์สเตอร์ สำรอง 3 คน กัลลาเกอร์ แทน กิ๊บบ์ส-ไวท์ นาที 78, เคอร์บี้ แทน โฟเด้น นาที 85, ลัวเดอร์ แทน ฮัดสัน-โอดอย นาที 90+1
รอบรองชนะเลิศ ชนะ บราซิล 3-1 จากแฮตทริกของ รีอัน บรูว์สเตอร์ อีกแล้วนาที 10, 39 และ 77
สิบเอ็ดตัวจริงไม่เปลี่ยนจากนัดก่อน แอนเดอร์สัน, เซสเซยง, กูอี, ลาทีบิวเดียเร่, พานโซ่, แม็คเอแครน, โอ๊คลี่ย์-บูท, กิ๊บบ์ส-ไวท์, โฟเด้น, ฮัดสัน-โอดอย, บรูว์สเตอร์ สำรอง 3 คน สมิธ-โรว์ แทน กิ๊บบ์ส-ไวท์ นาที 68, เอโยม่า แทน เซสเซยง นาที 70, เคอร์บี้ แทน โฟเด้น นาที 87
กระทั่งรอบชิงชนะเลิศที่ชนะ สเปน 5-2 จากประตูของ รีอัน บรูว์สเตอร์ นาที 44, มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ นาที 58, ฟิล โฟเด้น 2 ลูก นาที 69 กับ 88 และ มาร์ค กูอี นาที 84
สิบเอ็ดตัวจริงกำลังลงตัว แอนเดอร์สัน, เซสเซยง, กูอี, ลาทีบิวเดียเร่, พานโซ่, แม็คเอแครน, โอ๊คลี่ย์-บูท, กิ๊บบ์ส-ไวท์, โฟเด้น, ฮัดสัน-โอดอย, บรูว์สเตอร์ สำรอง 3 คน เคอร์บี้ แทน กิ๊บบ์ส-ไวท์ นาที 81, กัลลาเกอร์ แทน แม็คเอแครน นาที 87, โกเมส แทน โอ๊คลี่ย์-บูท นาที 90
เท่ากับว่า ตัวหลักของทีมชุดนี้ เคอร์ติส แอนเดอร์สัน ประตูมือ 1 จาก แมนฯ ซิตี้ คู่เซนเตอร์ มาร์ค กูอี จาก เชลซี กับ โจเอล ลาทีบิวเดียเร่ จาก แมนฯ ซิตี้, โจนาธาน พานโซ่ แบ็กซ้ายจาก เชลซี และแบ็กขวาที่เพิ่งมายึดตัวจริงในรอบน็อกเอาท์ สตีเว่น เซสเซยง จาก ฟูแล่ม
คู่กลางนี่คู่หลัก จอร์จ แม็คเอแครน จาก เชลซี กับ เทชาน โอ๊คลี่ย์-บูท จาก สเปอร์ส
และแนวรุกสลับสับเปลี่ยนไปมา แต่ยังไงต้องมี ฟิล โฟเด้น จาก แมนฯ ซิตี้ กับ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย จาก เชลซี เป็นมิดฟิลด์ตัวรุก และศูนย์หน้าต้วเป้า รีอัน บรูว์สเตอร์ จาก ลิเวอร์พูล
สำหรับรางวัลส่วนตัวในทัวร์นาเมนต์นี้ บรูว์สเตอร์ คว้า 2 รางวัลคือ โกลเด้นบูท จากดาวซัลโว 8 ประตู และ บรอนซ์บอล ส่วน โกลเด้นบอล หรือนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์เป็นของ ฟิล โฟเด้น
นี่คือแชมป์โลก รุ่นยู-17 ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ อังกฤษ ทำให้ปี 2017 กลายเป็นปีทองของวงการลูกหนังเมืองผู้ดีรุ่นเยาวชน ที่ช่วงซัมเมอร์ก็เพิ่งคว้าแชมป์โลก รุ่นยู-20 มาหมาดๆ และยังมีรายการเล็กๆ อย่าง ตูลง คัพ ที่ ฝรั่งเศส ซึ่งใช้ทีมชุดยู-18 ผสมผสานกับยู-20 บางราย
แน่นอนทั้งทีมชุดแชมป์โลกยู-17 และยู-20 ต่างเป็นอนาคตของทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่แทบทั้งสิ้น แต่สำหรับปัจจุบันจะเป็นอย่างไร ต้องถามใจ แกเร็ธ เซาธ์เกต