เหลือเวลาอีกราวๆ สองสัปดาห์ บรรดาทีมพรีเมียร์ลีกจะทะยอยเรียกนักเตะกลับมาฝึกซ้อมปรีซีซั่นกันแล้ว ยกเว้นพวกที่ยังติดภาระกิจกับทีมชาติ
ผู้จัดการทีมหรือเฮดโค้ชหลายต่อหลายคนไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องโปรแกรมปรีซีซั่น เพราะบางครั้งมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการเดินทางไกลไปยังทวีปเอเชีย หรือสหรัฐอเมริกา
นั่นคือสิ่งที่ทุกสโมสรจะต้องรับมือ โดยเฉพาะ 'บิ๊กซิกซ์' หรือ 6 ทีมใหญ่พรีเมียร์ลีก ที่บ่อยครั้งโปรแกรมถูกวางคิวเอาไว้แน่นเอี๊ยด หรือไม่ก็ต้องเดินทางไกลรวมๆ ระยะทางทั้งหมดแล้วหลายหมื่นไมล์
นี่คือโปรแกรมปรีซีซั่นของ 6 ทีมใหญ่ที่จะต้องเตรียมพร้อมรับมือ ใครอุ่นมากอุ่นน้อย ใครเดินทางใกล้เดินทางไกล ลองพิจารณากันดู
อาร์เซน่อล
ทีมของเฮดโค้ช อูไน เอเมรี่ จะออกสตาร์ตเกมแรกของทีมชุดใหญ่กันที่สหรัฐอเมริกาเจอกับ โคโลราโด้ ราปิดส์ ทีมดังเมเจอร์ลีก 15 กรกฎาคม จากนั้นจะลงเล่นรายการ อินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ สามเกมติดต่อกันเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ แคลิฟอร์เนีย 17 ก.ค., ฟิออเรนตินา ที่ นอร์ธ แคโรไลน่า 20 ก.ค. และ เรอัล มาดริด ที่ วอชิงตัน ดีซี 23 ก.ค.
หลังจากนั้น ปืนใหญ่ จะบินกลับอังกฤษมาเล่นเกม เอมิเรตส์ คัพ ที่ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าการแข่งขันมาเตะแค่เกมเดียวเจอกับ โอลิมปิก ลียง ส่วนอีกคู่เป็นเกมของทีมหญิงเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค วันเดียวกัน 28 ก.ค.
ยังไม่หมดแค่นั้น เดอะ กันเนอร์ส จะบุกเยือน อองเชร์ ที่ ฝรั่งเศส 31 ก.ค. และปิดท้ายด้วยการตอบรับคำเชิญเตะ โจน กัมเปร์ โทรฟี่ ของเจ้าภาพ บาร์เซโลน่า ที่สนาม คัมป์ นู 4 สิงหาคม หนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดซีซั่นพรีเมียร์ลีกด้วยการบุกเยือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค ของ นิวคาสเซิ่ล
ลิเวอร์พูล
แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วางโปรแกรมอุ่นเครื่องแน่นเอี๊ยดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ เริ่มต้นตั้งแต่ 11 กรกฎาคม เยือน ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ที่สนามเพรนตัน พาร์ค ต่อด้วยเกมเจอ แบร๊ดฟอร์ด ซิตี้ ที่สนามนอร์ทเธิร์น คอมเมอร์เชียลส์ สเตเดี้ยม 14 ก.ค. ซึ่งมอบให้กับ สตีเฟ่น ดาร์บี้ อดีตกองหลังของทีมที่แขวนสตั๊ดเพราะป่วยเป็นโรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อม
เสร็จจากนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ จะนำลูกทีมบินไปสหรัฐอเมริกา เจอกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ อินเดียน่า 19 ก.ค., เจอ เซบีย่า ที่ บอสตัน 21 ก.ค. และเจอ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่ นิวยอร์ค 25 ก.ค.
หลังจากสามเกมที่สหรัฐอเมริกา หงส์แดง บินกลับยุโรป เจอกับ นาโปลี ที่สนาม เมอร์เรย์ฟิลด์ ในเมืองเอดินเบรอะห์ ประเทศสกอตแลนด์ 28 ก.ค. ต่อด้วยเจอ โอลิมปิก ลียง ที่สนาม สต๊าด เดอ เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 31 ก.ค.
เดิมที มีโปรแกรมอุ่นเกมสุดท้ายเจอกับ ชาลเก้ ที่ แอนฟิลด์ วันอังคารที่ 6 ส.ค. หรือสองวันหลังจากเตะ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ เวมบลีย์ แต่ตัดสินใจยกเลิกไปเรียบร้อย หลังจากทราบโปรแกรมนัดแรกพรีเมียร์ลีกที่มีคิวเจอ นอริช ซิตี้ คืนวันศุกร์ที่ 9 ส.ค.
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ยังคงเน้นโปรแกรมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นแบบน้อยๆ แต่เน้นๆ และปีนี้จะต้องเดินทางไกลมายังทวีปเอเชีย เจอกับทีมใหญ่ล้วนๆ
เริ่มจากรายการ อินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ เจอกับ ยูเวนตุส ที่ประเทศสิงคโปร์ วันที่ 21 กรกฎาคม จากนั้นบินต่อไปยัง เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 25 ก.ค. ก่อนบินกลับยุโรป
ไก่เดือยทอง มีโปรแกรมเตะรายการ เอาดี้ คัพ ที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เจอกับ เรอัล มาดริด 30 ก.ค. หากชนะจะเข้าชิงชนะเลิศ หรือแพ้ก็จะไปชิงอันดับ 3 เจอกับคู่แข่ง บาเยิร์น มิวนิค หรือ เฟเนร์บาห์เช่ ในหนึ่งวันถัดมา
จากนั้น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม จะได้ต้อนรับเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นเป็นครั้งแรก เจอกับ อินเตอร์ มิลาน อาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม ซึ่งเป็นเกมที่สามและเกมสุดท้ายในรายการไอซีซี ก่อนเปิดซีซั่นพรีเมียร์ลีกที่สนามแห่งนี้ เจอกับ แอสตัน วิลล่า เสาร์ที่ 10 ส.ค.
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะได้โอกาสเตรียมทีมในช่วงปรีซีซั่นแบบเต็มตัวครั้งแรก และเริ่มเก็บตัวกันเร็วทีเดียว โดยสองเกมแรกจะบินไปเตะกันที่ประเทศออสเตรเลีย เจอกับ เพิร์ธ กลอรี่ ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม ต่อด้วยเจอ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมดังแชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเป็นศึก 'War of the Roses' หรือ สงครามดอกกุหลาบ ที่สนาม เพิร์ธ สเตเดี้ยม เช่นเดียวกัน ในอีก 4 วันต่อมา
จากนั้น ปีศาจแดง จะลงเล่นรายการ อินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ เจอกับ อินเตอร์ มิลาน ที่ประเทศสิงคโปร์ 20 ก.ค. ต่อด้วยการเจอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน 25 ก.ค. และบินกลับยุโรป
โปรแกรมต่อไปคือเกมเจอ คริสเตียนซุนด์ ทีมนอร์เวย์ ซึ่งเป็นทีมเชียร์วัยเด็กของ โซลชา และเป็นเมืองเกิดของกุนซือนอร์เวเจี้ยน วันที่ 30 ก.ค.
ปิดท้ายกลับไปเล่นในรายการไอซีซี เจอกับ เอซี มิลาน ที่สนาม มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม ประเทศเวลส์ เสาร์ที่ 3 สิงหาคม เป็นอันเสร็จสิ้นการเดินทางแบบ 'นอนสต็อป' ตลอดช่วงปรีซีซั่น ก่อนทำศึกบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่เกมแรกรับมือ เชลซี ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 11 ส.ค.
เชลซี
แม้ยังไม่มีการแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ แต่ เชลซี คอนเฟิร์มโปรแกรมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นนี้ออกมาแล้ว 4 เกม โดยสองเกมแรกจะไปเริ่มต้นกันที่ประเทศญี่ปุ่น เจอกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ แชมป์เจลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ที่สนาม อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม โยโกฮามา วันที่ 19 กรกฎาคม ต่อด้วยเกมเจอ บาร์เซโลน่า ที่สนาม ไซตามะ สเตเดี้ยม 2002 ภายใต้ชื่อรายการ ราคูเทน คัพ 23 ก.ค.
สิงโตน้ำเงิน จะบินกลับอังกฤษ เจอกับ เร้ดดิ้ง ทีมแชมเปี้ยนชิพ ที่ มาเดจสกี้ สเตเดี้ยม 28 ก.ค. แล้วบินต่อไปยังประเทศออสเตรีย อุ่นกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก แชมป์ลีกออสเตรีย ที่สนาม เร้ดบูลล์ อารีน่า 31 ก.ค.
นี่คือ 4 เกมที่ เชลซี มีการยืนยันออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยโปรแกรมอุ่นเกมสุดท้ายหนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกที่จะบุกเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะเชื่อว่าจะรอแต่งตั้งเฮดโค้ชคนใหม่ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ถึงค่อยตัดสินใจร่วมกัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และคาราบาวคัพ จะไปเตรียมความพร้อมสำหรับซีซั่นใหม่กันที่ทวีปเอเชีย ในรายการพรีเมียร์ลีก เอเชีย โทรฟี่ ที่ปีนี้ไปเตะกันที่ประเทศจีน
เกมแรกเจอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่เมืองหนานจิง วันที่ 17 กรกฎาคม หากชนะจะเข้าชิงชนะเลิศที่เมือง เซี่ยงไฮ้ หรือแพ้จะไปชิงอันดับสามที่เดิมเมืองหนานจิง เจอกับคู่แข่งระหว่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด หรือ วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 20 ก.ค.
ไหนๆ อุตส่าห์เดินทางไกลมาเอเชียแล้ว ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ต้องการเสียเที่ยว จึงแวะอุ่นเครื่องกันที่ ฮ่องกง เจอกับ คิตฉี ที่สนาม ฮ่องกง สเตเดี้ยม วันที่ 24 ก.ค. และไปจบที่ประเทศญี่ปุ่น เจอกับ โยโกฮามา มารินอส ทีมของแบ็กซ้ายทีมชาติไทย ธีราทร บุญมาทัน ที่สนาม อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม โยโกฮามา หรือ นิสสัน สเตเดี้ยม 27 ก.ค.
จากนั้นถึงบินกลับอังกฤษ ทำศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ เจอกับ ลิเวอร์พูล อาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม หนึ่งสัปดาห์ก่อนเริ่มต้นพรีเมียร์ลีกด้วยการไปเยือน ลอนดอน สเตเดี้ยม ของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่เพิ่งเจอกันมาที่เมืองจีน