กองกลางฝีเท้าดียังคงเป็นเป้าหมายของหลายทีมพรีเมียร์ลีกในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากได้ โรดรี้ กับ ต็องกีย์ เอ็นดงเบเล่ เข้ามาเพิ่ม ขณะที่ ยูริ ตีเลม็องส์ ก็เปลี่ยนจากสัญญายืมตัวเป็นซื้อขาด
แม้ฝีเท้าจะเก่งกาจมาจาก ลาลีกา, กัลโช่ เซเรีย อา, บุนเดสลีกา หรือ ลีกเอิง สิ่งสำคัญที่สุด เมื่อคุณก้าวเข้ามาสัมผัสพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก นั่นก็คือเรื่องการปรับตัว
นักเตะชื่อดังหลายคนปรับตัวไม่ได้ แต่นักเตะธรรมดาๆ บางคนกลับปรับตัวได้ดีเกินคาด หนึ่งในนั้นคือ มาริโอ เลอมีน่า กองกลางชาวกาบอง ที่ทำผลงานน่าพอใจมากขึ้นในฤดูกาลที่สองกับ เซาธ์แฮมป์ตัน
เลอมีน่า อำลา ยูเวนตุส มาร่วมถิ่น เซนต์ แมรี่ส์ สเตเดี้ยม ด้วยสัญญาระยะยาว 5 ปี เมื่อปี 2017 ค่าตัว 15.4 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติค่าตัวแพงสุดของสโมสรในช่วงเวลานั้น (ก่อนถูกลบโดย กีโด้ การ์รีโย่ 19.2 ล้านปอนด์ ในอีก 6 เดือนต่อมา)
เหตุผลสำคัญที่ย้ายทีมในตอนนั้นคือต้องการลงสนามอย่างสม่ำเสมอ หลังจากสองฤดูกาลใน ตูริน ลงเล่นไป 42 นัด ที่หนักไปทางตัวสำรอง
สองปีผ่าน กองกลางวัย 25 ปี ต้องการย้ายทีมอีกครั้ง โดยเหตุผลครั้งนี้คือ อยากกลับไปร่วมทีมใหญ่ และยังอยากอยู่ในพรีเมียร์ลีกต่อไป นั่นคือกลายเป็นข่าวโยงใยกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล
ฤดูกาล 2018-19 เลอมีน่า ลงเล่นให้ เดอะ เซนต์ส ไปเพียง 18 เกมในพรีเมียร์ลีก เพราะอาการบาดเจ็บที่พรากการลงสนามไปหลายนัด แล้วถ้าเทียบกับมิดฟิลด์ประเภท 'box-to-box' ของ 6 ทีมใหญ่อย่าง อิลคาย กุนโดอาน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ลูกัส ตอร์เรร่า, อันเดร์ เอร์เรร่า และนักเตะใหม่อย่าง ต็องกีย์ เอ็นดงเบเล่ ผลงานของกองกลางกาบองอยู่ในระดับไหน มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร
ความแม่นยำในการผ่านบอล
เลอมีน่า มีตัวเลขที่สูงทีเดียว 86.03 เปอร์เซนต์ แต่ถ้าเทียบกับอีก 6 คนกลายเป็นบ๊วยซะอย่างงั้น โดยอันดับ 1 คือ ไวนัลดุม 91.07% ตามด้วย กุนโดอาน 90.82%, เอ็นดงเบเล่ 89.09%, ก็องเต้ 87.88%, เอร์เรร่า 87.76%, ตอร์เรร่า 87.42%
การสร้างสรรค์โอกาส
กุนโดอาน มาเป็นอันดับ 1 ที่ตัวเลขเฉลี่ย 1.81 ครั้งต่อนัด จากโอกาสทั้งหมด 43 ครั้ง ตามด้วย เอ็นดงเบเล่ 1.57 ครั้งต่อนัด, ก็องเต้ 1.34 ครั้งต่อนัด, เอร์เรร่า 0.96 ครั้งต่อนัด, ไวนัลดุม 0.82 ครั้งต่อนัด จากนั้นถึงเป็น เลอมีน่า 0.72 ครั้งต่อนัด หรือ 13 ครั้งจาก 18 เกม และสุดท้ายคือ ตอร์เรร่า 0.61 ครั้งต่อนัด
การเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้
เอ็นดงเบเล่ คือคนที่ทำได้ดีที่สุดเฉลี่ย 2.11 ครั้งต่อเกม ตามด้วย เลอมีน่า 1.28 ครั้งต่อเกม หรือ 23 ครั้งจาก 18 เกม, ไวนัลดุม 0.95 ครั้งต่อเกม, ก็องเต้ 0.93 ครั้งต่อเกม, กุนโดอาน 0.80 ครั้งต่อเกม, เอร์เรร่า 0.77 ครั้งต่อเกม และ ตอร์เรร่า อ่อนสุด 0.49 ครั้งต่อเกม
การเข้าสกัด
เอร์เรร่า โดดเด่นที่สุดเฉลี่ย 3.46 ครั้งต่อเกม แล้วเป็น เลอมีน่า 2.68 ครั้งต่อเกม, ตอร์เรร่า 2.46 ครั้งต่อเกม, เอ็นดงเบเล่ 2.21 ครั้งต่อเกม, ก็องเต้ 2.15 ครั้งต่อเกม, ไวนัลดุม 1.32 ครั้งต่อเกม และที่เล่นติ๋มที่สุด กุนโดอาน 0.80 ครั้งต่อเกม
การตัดบอล
กลายเป็นจุดเด่นของ เลอมีน่า ที่มีตัวเลขเฉลี่ยสูงที่สุด 2.40 ครั้งต่อเกม ตามด้วย เอร์เรร่า 2.37 ครั้งต่อเกม, ตอร์เรร่า 1.55 ครั้งต่อเกม, ก็องเต้ 1.28 ครั้งต่อเกม, กุนโดอาน 1.18 ครั้งต่อเกม, เอ็นดงเบเล่ 1 ครั้งต่อเกม และ ไวนัลดุม 0.69 ครั้งต่อเกม
จากตัวเลขที่ถูกจดบันทึกมา เห็นได้ชัดเจนว่าจุดอ่อนของ เลอมีน่า อยู่ที่เรื่องการผ่านบอลและการสร้างสรรค์เกมรุกเป็นหลัก แต่จะทำได้ดีในการเป็นกองกลางฮาร์ดแมนทั้งจังหวะแท็กเกิ้ลและอินเตอร์เซ็ป
แม้ตัวเลขต่างๆ คละเคล้ากันไป แต่สิ่งที่นอกเหนือจากตัวเลขเหล่านั้นที่เรียกความสนใจจากทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล นั่นคือเรื่องประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก ที่ เซาธ์แฮมป์ตัน จัดการคัดกรองฝีเท้ามาเป็นอย่างดีแล้ว
เลอมีน่า ปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้อย่างเต็มตัวแล้ว และด้วยค่าตัวที่ไม่สูงโอเวอร์จนเกินไป จึงทำให้กองกลางกาบองกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเสริมทัพแดนกลางในช่วงซัมเมอร์นี้