:::     :::

ใครจะเจาะกำแพง'บิ๊กซิกซ์'?

วันเสาร์ที่ 03 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
2,107
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เลสเตอร์ ซิตี้ กับ เซาธ์แฮมป์ตัน คือสองทีมสุดท้ายที่ทะลายกำแพง 'บิ๊กซิกซ์' หรือ 6 ทีมใหญ่พรีเมียร์ลีกลงได้ แต่ต้องย้อนกลับไปในฤดูกาล 2015-16

เลสเตอร์ สร้างปาฏิหารย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อ 4 ฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่สอดแทรกขึ้นมาจบอันดับ 6 ไม่ได้รับความสนใจ เช่นเดียวกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ชิงตั๋วไปลุย ยูโรปาลีก ด้วยในฐานะทีมอันดับ 7

โดยสองทีม 'บิ๊กซิกซ์' ที่หลุดโผอย่างแรงในฤดูกาลนั้นคือ ลิเวอร์พูล จบอันดับ 8 กับ เชลซี จบอันดับ 10
หลังจากนั้น ฤดูกาล 2016-17, 2017-18 และ 2018-19 ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ 'บิ๊กซิกซ์' หลุดวงโคจรจาก 6 อันดับแรกของตารางเลย อยู่ที่ว่าทีมใดจะจบอันดับใดเท่านั้น
และซีซั่นใหม่ 2019-20 ก็เช่นกัน ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังถูกคาดหมายว่าจะเรียงแถวกันครอง 6 อันดับแรกเป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน
แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าอีก 14 ทีมที่เหลือ มีใครแข็งแกร่งพอที่จะเป็นผู้ท้าชิงหรือไม่?
เอฟเวอร์ตัน
ทีมของ มาร์โก ซิลวา ขึ้นๆ ลงๆ ในช่วงต้นและกลางฤดูกาลที่แล้ว แต่พอเข้าสู่ 8 เกมสุดท้าย เอฟเวอร์ตัน ติดเครื่องคว้าชัยชนะ 5 เสมอ 2 และแพ้เพียงเกมเดียว กลายเป็นทีมที่โกยแต้มมากที่สุดอันดับ 3 ในช่วง 8 เกมสุดท้าย เป็นรองแค่สองทีมลุ้นแชมป์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล
นั่นคือจุดสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าทีมของ ซิลวา พร้อมแล้วที่จะท้าชิงพื้นที่ 6 อันดับแรกของตาราง เพราะในช่วง 8 เกมสุดท้ายดังกล่าว สามารถคว้าชัยชนะเหนือ 3 ทีมใหญ่อย่าง เชลซี, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้
การเปลี่ยนแปลงในช่วงซัมเมอร์นี้ หากนับเฉพาะตัวหลัก ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เสียไปแค่ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ ที่ขายไปให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง กับ คูร์ต ซูม่า ที่หมดสัญญายืมตัวกลับ เชลซี แต่แดนกลางก็ได้ ฟาเบียน เดลฟ์ กับ ฌอง-ฟิลิปป์ กบาแม็ง เข้ามาเสริม และเซ็นถาวรกับ อันเดร โกเมส
เลสเตอร์
อย่างที่เกริ่นหัว เลสเตอร์ ในยุค เคลาดิโอ รานิเอรี่ สร้างปาฏิหารย์เอาไว้ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-16 เป็นการฉีกหน้า 6 ทีมใหญ่ที่นัดกันฟอร์มตก โดยเฉพาะ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล และปาฏิหารย์เช่นนี้อาจไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้วในศึกพรีเมียร์ลีก
หลังจากนั้น ผลงานของ จิ้งจอกสีน้ำเงิน แผ่วลงไป เป็นเพราะตัวหลักที่เริ่มอายุอานามมากขึ้น และโรยรา ขณะที่การเสริมทัพก็ไม่ตรงจุด และไม่ตอบโจทย์ให้กับผู้จัดการทีม
แต่สถานการณ์ปัจจุบัน เลสเตอร์ กลายเป็นทีมที่แกร่งขึ้น และสดขึ้น เพราะการเสริมทัพที่ใกล้จะเติมเต็มครบทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะการเซ็นถาวรกับ ยูริ ตีเลม็องส์ มาได้
หากจะมีปัญหาก็คงเป็นเรื่องแผงหลังที่เสีย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไปให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเหลือเวลาไม่มากนักในการหาตัวแทน แต่ตัวเลือกที่มีอยู่ในมือก็มี ชากลาร์ โซยุนคู กับ ฟิลิป เบนโควิช ที่เซ็นมาเมื่อปีที่แล้ว พร้อมรับโอกาสร่วมกับตัวเก๋า จอนนี่ อีแวนส์ และ เวส มอร์แกน
เวสต์แฮม
มานูเอล เปเยกรินี่ เสริมทัพได้น่าสนใจตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่การออกสตาร์ตแย่ๆ แพ้ 4 นัดรวด ก็ทำให้ความหวังในการสร้างปาฏิหารย์ของ เวสต์แฮม ต้องดับวูบลงตั้งแต่เข้าเดือนกันยายน
เข้าสู่ฤดูกาลใหม่ เปเยกรินี่ เสริมทัพเนื้อๆ เน้น 69 ล้านปอนด์กับนักเตะเพียงสองคนคือ ปาโบล ฟอร์นาลส์ กองกลางชาวสเปนจาก บียาร์เรอัล กับ เซบาสเตียง อัลแลร์ กองหน้าชาวฝรั่งเศสจาก ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ที่เข้ามาทดแทนการจากไปของ มาร์โก อาร์เนาโตวิช ตัวหลักของทีมซีซั่นก่อน
ซีซั่นที่แล้ว ทีมของ เปเยกรินี่ คว่ำ 3 ใน 6 ทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาได้ และแบ่งแต้มจาก เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ได้ด้วย แม้เป็นการเผชิญหน้าที่เน้นตั้งรับสุดชีวิต แต่นั่นก็คือจุดเริ่มที่ดีก่อนพัฒนาเกมรุกสู้
วูลฟ์แฮมป์ตัน
นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ สร้างปรากฏการณ์เอาไว้เมื่อซีซั่นที่แล้ว ด้วยการพา วูลฟ์แฮมป์ตัน ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจากแชมเปี้ยนชิพ จบสูงถึงอันดับ 7 แม้ยังห่างไกลพื้นที่ท็อป 6 อยู่พอสมควรก็ตาม แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเหนือกว่าทีมอย่าง เอฟเวอร์ตัน, เลสเตอร์, เวสต์แฮม, นิวคาสเซิ่ล
ปีนี้ วูลฟ์แฮมป์ตัน เสริมทัพไม่เยอะ แต่เน้นไปที่การใช้งานได้จริง โดยเซ็นถาวร ราอูล ฮีเมเนซ กับ เลอันเดอร์ เดนดองเคอร์, เซ็น พาทริค คูโตรเน่ จาก มิลาน และยืม เฆซุส บาเยโฆ จาก เรอัล มาดริด เพื่อเป้าหมายแรกและเป้าหมายสำคัญที่สุดคือการพาทีมไปให้ถึงรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปาลีก
ฤดูกาลที่แล้ว นูโน่ วางแท็กติกต่อกรกับบรรดา 6 ทีมใหญ่ได้เป็นอย่างดี โดยผลงานทั้ง 12 นัด เหย้าและเยือน วูลฟ์แฮมป์ตัน ชนะ 4 เสมอ 4 แพ้ 4 เป็นฟอร์มที่สวยหรูมาก โดยเฉพาะการคว้าชัยชนะเหนือ เชลซี, สเปอร์ส, แมนฯ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล แถมยังไม่แพ้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และ สแตมฟอร์ด บริดจ์
นิวคาสเซิ่ล
สาลิกาดง กำลังเข้าสู่ฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนแปลง หลังจาก ราฟาเอล เบนิเตซ หมดสัญญาคุมทีม และเลือก สตีฟ บรูซ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ แม้มีกระแสต่อต้านจากแฟนบอลบางกลุ่มก็ตาม
ก่อนที่ ราฟา จะประกาศแยกทาง บอร์ดบริหารของ นิวคาสเซิ่ล ยังไม่มีการเดินหน้าเสริมทัพ แต่หลังจากแต่งตั้ง บรูซ เรียบร้อย ตอนนี้ทุ่มหนักๆ ซื้อ โชลิงตอน กองหน้าบราซิลจาก ฮอฟเฟนไฮม์ 40 ล้านปอนด์ กับ อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง ตัวรุกริมเส้นจาก นีซ อีก 20 ล้านปอนด์
แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ นิวคาสเซิ่ล แข็งแกร่งขึ้นกว่าฤดูกาลที่แล้วเล็กน้อย เพราะตัวหลักจากฤดูกาลก่อนอย่าง มิเกล อัลมีรอน, จอนโจ เชลวี่ย์, ฟาเบียน เชร์, จามาล ลาสเซลล์ส ก็ยังอยู่กันพร้อมหน้า ขอแค่ได้ผู้จัดการทีมกับแท็กติกที่ลงตัว ก็พร้อมจะเป็นหนามยอกอกบรรดา 6 ทีมใหญ่ได้แน่นอน

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด