ว่ากันว่า การที่ทีมใดๆ จะประสบความสำเร็จได้นั้น นอกจากตัวหลักที่ระเบิดฟอร์มเก่งแล้ว คุณต้องมี 'ตัวละครลับ' ด้วย
จาก 16 นัดแรกของฤดูกาล ชนะ 14 เสมอ 2 ยังไม่มีแพ้
10 นัดในพรีเมียร์ลีก ยิง 35 ประตู
4 นัดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ยิง 12 ประตู
เฉลี่ยแล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงได้เกมละ 3 ประตูเศษๆ แนวรุกจึงถือเป็นอาวุธหนักของ เรือใบสีฟ้า ในฤดูกาลนี้
สองกองหน้า เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงรวมทุกถ้วย 9 ประตู กับ กาเบรียล เชซุส ยิงรวมทุกถ้วย 8 ประตู นั่นอาจจะเพียงพอแล้วสำหรับบางทีม
แต่ไม่ใช่กับ ซิตี้ ที่ยังมีตัวละครลับอีกสองคน
เลรอย ซาเน่ ยิงรวมทุกถ้วยไปแล้ว 8 ประตู และผู้นำดาวยิงของทีมเวลานี้ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ยิงรวมทุกถ้วยไปแล้ว 10 ประตู
ฤดูกาลที่แล้ว เป๊ป เคยลองผิดลองถูกกับทั้งคู่ แม้กระทั่งวิงแบ็กก็ยังเคยจับเล่นมาแล้ว แต่ซีซั่นนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป และกุนซือชาวสเปนก็ได้มองเห็นตำแหน่งที่ดีที่สุด นั่นคือกองหน้าที่ยืนขนาบข้าง อเกวโร่ หรือ เชซุส
สำหรับ ราฮีม ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ เป๊ป เพราะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ตอนที่ ซิตี้ ยื่นข้อเสนอขอซื้อ อเล็กซิส ซานเชซ มีข่าวว่า อาร์เซน่อล อยากได้ อดีตปีก ลิเวอร์พูล เป็นส่วนหนึ่งในข้อเสนอ
แต่ เป๊ป ส่ายหน้า แม้ทำให้ทีมพลาดหวังในตัว ศูนย์หน้าชิลี ก็ตาม
ขณะที่ ราฮีม เองก็ยืนยันการย้ายสลับขั้วไปอยู่ ปืนใหญ่ ไม่เคยอยู่ในหัวสมอง
และการตัดสินใจของ เป๊ป ก็กลายเป็นเรื่องถูกต้อง เมื่อได้เห็น ราฮีม ซัลโวแตะสองหลักไปอย่างรวดเร็ว
จากค่าเฉลี่ยยิงหรือแอสซิสต์ 1 ประตู ต่อ 241 นาที ในฤดูกาล 2015-16 ขยับมาเป็น 1 ประตูต่อ 194 นาที ซีซั่นที่แล้ว และตอนนี้ตัวเลขอยู่ที่ 1 ประตูต่อ 56 นาที หลังลงเล่นไป 8 นัดในพรีเมียร์ลีก
เป๊ป เผยเบื้องหลังความสำเร็จในช่วงต้นฤดูกาลว่าเป็นเพราะ ราฮีม ใช้เวลาหลายชั่วโมงฝึกซ้อมยิงประตูเพิ่มกับโค้ช มิเกล อาร์เตต้า
"เขารู้ว่าศูนย์หน้าต้องยิงประตู และเขาต้องทำอย่างนั้นถ้าต้องการประสบความสำเร็จในขั้นต่อไป คุณไม่มีทางเอาตัวรอดในระดับสูงๆ กับบทบาทนี้ หากคุณไม่ยิงประตู"
"ตอนนี้เขาก็กำลังรู้ว่ามันสนุกแค่ไหนกับการยิงประตู ผมคิดว่าเขากำลังสนุกกับการยิงประตู เขาไม่เกรงกลัวที่จะแบกรับความเสี่ยง"
ปัจจุบัน ตัวเลขเฉลี่ยการทำประตูของ ราฮีม อยู่ที่ 1.25 ประตูต่อ 90 นาที คนละเรื่องเลยกับตัวเลข 0.25 ประตูต่อ 1 เกมในฤดูกาลที่แล้ว และ 0.28 ประตูต่อ 1 เกมในฤดูกาล 2015-16
จาก 8 นัดที่ ราฮีม ลงสนามนับเฉพาะเกมพรีเมียร์ลีก ยิงไปถึง 7 ประตู ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นการลงสำรองถึง 3 นัด และเมื่อลองคำนวณเล่นๆ จากตัวเลขเฉลี่ยเพียงนัดละ 63 นาทีที่อยู่ในสนามแล้ว ปีกทีมชาติอังกฤษ จะจบฤดูกาลที่ 32 ประตู ทำลายสถิติของทุกคน ไม่ว่าจะเป็น อลัน เชียเรอร์, หลุยส์ ซัวเรซ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
แต่นั่นก็อาจจะเกิดขึ้นได้จริง หาก ราฮีม ยังรักษาผลงานให้ได้สม่ำเสมอ
ถึงเวลานี้ บทบาทของ ราฮีม เริ่มเปลี่ยนไป จากตัวจี๊ดที่ลากเลื้อยสะเด็ดสะเด่าริมเส้น กลายเป็นตัวเจาะทะลุทะลวงตรงกลาง แม้ไม่อาจเป็นตัวเป้าหรือ 'ทาร์เก็ตแมน' แต่มิดฟิลด์หมายเลข 7 จะต้องเข้าไปอยู่ให้ถูกที่ถูกเวลา
ราฮีม มีตัวเลขสับไกในกรอบเขตโทษไปแล้ว 18 ครั้งจาก 8 นัดในซีซั่นนี้ เทียบกับ 33 นัดที่ลงเล่นฤดูกาลที่แล้ว ยิงในเขตโทษเพียง 43 ครั้ง
"มิเกล อาร์เตต้า ทำงานหนักหลายชั่วโมงหลังการซ้อมช่วงสุดท้ายของวัน ทั้งเรื่องการคอนโทรลบอลจังหวะสุดท้าย เรื่องเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ถูกต้องในจังหวะจบสกอร์ 3 หรือ 4 เมตร"
"สำหรับ ราฮีม เขาต้องการยืนอยู่ตรงจุดนั้น ต้องการปรับปรุง ต้องการฝึกซ้อม และยิงกับผู้รักษาประตู มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ"
และแน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสจบสกอร์เยอะขึ้น ตัวเลขเฉลี่ยยิงเข้ากรอบก็อาจลดลงเป็นเรื่องธรรมดา เพราะซีซั่นนี้จนถึงตอนนี้ตัวเลขยิงเข้ากรอบอยู่ที่ 47 เปอร์เซนต์ เทียบกับทั้งฤดูกาลที่แล้ว 52 เปอร์เซนต์ และตลอดฤดูกาล 2015-16 อยู่ที่ 61 เปอร์เซนต์
"จังหวะสุดท้ายของเขายังคงต้องปรับปรุง เขาต้องทำให้ดีขึ้น เขาทำได้ดีขึ้นแล้ว แต่เขายังสามารถทำได้ดีกว่านี้อีก บางครั้งมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก แต่นักเตะชั้นนำมักตัดสินใจได้ดีในช่วงเวลาสำคัญ"
"แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า เขาเพิ่งอายุ 22 เท่านั้น" เป๊ป ร่ายยาวถึงตัวละครลับของเขา
เกมใหญ่ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม วันอาทิตย์นี้ ราฮีม จะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง เกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านรับมือ อาร์เซน่อล
เพื่อทำให้ทุกคนเห็นว่า เรือใบสีฟ้า มี ราฮีม แล้ว และไม่ต้องการ อเล็กซิส แม้ได้มาแบบฟรีๆ ในฤดูกาลหน้า