การเริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์ที่ขรุขระ จากการแพ้ถึง 3 ใน 10 นัดแรก จึงไม่มีอะไรดีไปกว่า การคว้าชัยชนะใน 'บิ๊กแมตช์'
ฤดูกาลที่ 2 ของ อันโตนิโอ คอนเต้ กับ เชลซี เต็มไปด้วยขวากหนาม ตั้งแต่เปิดหัวด้วยการพลิกล็อกแพ้คารัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต่อ เบิร์นลี่ย์ 2-3
แม้ เดอะ บลูส์ แก้ตัวกลับมาเก็บ 9 คะแนนเต็มจาก 3 นัดต่อมา แต่ลูกทีมของ คอนเต้ ยังประสบปัญหาใน 'บิ๊กแมตช์' ที่ เดอะ บริดจ์ เพราะการเสมอ อาร์เซน่อล 0-0 และพ่ายจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1
ความพ่ายแพ้เกมนั้น ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจพอสมควร เพราะนั่นคือเกมก่อนหยุดพักให้โปรแกรมทีมชาติ 2 สัปดาห์
สะเก็ดระเบิดยังคงหลงเหลือให้เห็นในนัดต่อมา ที่บุกแพ้ต่อ คริสตัล พาเลซ 1-2 ซึ่งเป็นชัยชนะนัดแรก และแต้มแรกของทีมบ๊วยพรีเมียร์ลีก
แน่นอน การปราชัยต่อ ทีมจ่าฝูง และ ทีมบ๊วย 2 นัดติด ย่อมส่งผลมากกว่าปกติ และนั่นตามมาซึ่งข่าวอนาคตที่ไม่มั่นคงของกุนซือชาวอิตาเลียน
"มันเป็นการขาดความเคารพ ผมรู้ว่าทำไมพวกนักข่าวถึงเขียนว่าผมจะโดนไล่ออก แต่การเขียนเรื่องของคนอื่นในแนวทางแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง"
"ถ้าพวกคุณต้องการโจมตีผม ก็โจมตีเลย ผมจะไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้น แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง ผมเกลียดสถานการณ์แบบนี้"
"ถ้าบางคนมีความสุขกับการเขียนเรื่องแบบนี้ เพื่อทำให้หนังสือพิมพ์ดูน่าสนใจมากขึ้น ก็ทำต่อไปเถอะ แต่อย่าโยงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะนี่มันไม่ถูกต้อง"
"ในอดีต มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับผู้จัดการทีมคนอื่นๆ เรื่องราวพวกนี้พยายามสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นระหว่างผมและนักเตะ มันไร้สาระจริงๆ" คอนเต้ เริ่มหมดความอดทนกับบรรดาสื่ออังกฤษ
จากชัยชนะที่ง่ายดายหลายต่อหลายนัดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กลายเป็นงานยากทุกประตู ทุกเกม และทุกคะแนนในฤดูกาลนี้ แต่ เดอะ บลูส์ ก็เอาตัวรอดหลังเกมที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ด้วยการพลิกสถานการณ์ในช่วง 20 นาทีสุดท้าย แซงชนะ วัตฟอร์ด 4-2
ผ่านเข้ารอบ 5 คาราบาว คัพ ด้วยการเชือด เอฟเวอร์ตัน 2-1 และประตูโทนในครึ่งหลังของ เอแดน อาซาร์ เกมพรีเมียร์ลีกที่ บอร์นมัธ
แต่ลูกทีมของ คอนเต้ ก็ต้องขวัญกระเจิงจากเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์ ที่บุกแพ้ โรม่า กระจุย 0-3 แม้โอกาสเข้ารอบน็อกเอาท์ยังคงใสปิ๊งอยู่ก็ตาม
"เราพยายามทำสิ่งที่สำคัญ ตอนนี้เรากำลังพยายามวางรากฐานให้กับสโมสร อย่าลืมว่าตลอด 4 หรือ 5 ปีที่ผ่านมานี้ เราเสียนักเตะคนสำคัญไปเยอะ" คอนเต้ อธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเกมสำคัญกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
"ผมกำลังพูดถึง ดร็อกบา, เช็ก, แลมพาร์ด, เทอร์รี่, อีวาโนวิช, มิเกล, โคล นักเตะที่่ช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์ให้สโมสร เพราะพวกเขาเล่นกับทีมมาหลายปี และคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก"
"ตอนนี้เรากำลังเริ่มต้นสร้างทีมใหม่ และพยายามพาสโมสรกลับไปเชิญสถานการณ์แบบนั้นอีกครั้ง ถ้าคิดว่าผมแค่ชี้นิ้ว และเราก็พร้อมลงไปต่อสู้เพื่อชัยชนะนู่น นี่ นั่นแล้ว มันไม่ง่ายแบบนั้น"
"มันเกิดขึ้นได้ เหมือนฤดูกาลที่แล้ว แต่มันคือเรื่องมหัศจรรย์ ที่มหัศจรรย์เพราะเราก็มีนักเตะชุดเดิมจากฤดูกาลก่อนที่จบอันดับ 10 กับนักเตะหน้าใหม่อีกไม่กี่คน บาตชูอายี่, ดาวิด ลุยซ์, ก็องเต้ และ อลอนโซ่"
"ทุกๆ ฤดูกาลล้วนแตกต่างกัน ถ้าคุณยังจำกันได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เราไม่ได้เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก และในช่วงเวลานี้ เราก็ตกรอบ ลีกคัพ ฤดูกาลนี้จึงแตกต่างออกไป เพราะเรายังอยู่ในการแข่งขันทุกรายการ เรายังอยู่ใน คาราบาว คัพ และเราต้องลงเล่นอีกหลายเกม"
สภาพทีมก่อนเกมสำคัญที่ เดอะ บริดจ์ ก็มีข่าวที่ดีมาก นั่นคือการกลับมาลงสนามของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เครื่องจักรในแดนกลางของทีม และ คอนเต้ ก็เลือกที่จะถอดตัวรุกออกไป 1 คนนั่นคือ เปโดร โรดริเกซ เพื่อเติมเต็มตรงกลางสนาม
แนวรับมีการเปลี่ยนแปลงจากเกมที่กรุงโรม อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กับ ดาวิด ลุยซ์ ถูกถอด แล้วเลือก อันเดรียส คริสเตนเซ่น คืนตัวจริงเกมแรกนับตั้งแต่เกมที่แพ้ เรือใบสีฟ้า
อีกคนคือ ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า ลงยืนวิงแบ็กขวา แล้วถอย เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า กลับมาเป็น 3 เซนเตอร์ร่วมกับ แกรี่ เคฮิลล์ กัปตันทีม
ที่น่าแปลกคือ ชื่อของ ดาวิด ลุยซ์ หายไปจากม้านั่งสำรองด้วย แล้วกลับเลือกดาวรุ่ง เอธาน อัมปาดู วัย 17 เข้ามาแทน แต่ คอนเต้ ก็อธิบายถึงเหตุผลในการตัดสินใจตั้งแต่ก่อนเกม
"มันเป็นการตัดสินใจด้านแท็กติก เรามี คริสเตนเซ่น อยู่ในฟอร์มที่ดี และเราก็ยังมี อัมปาดู ซึ่งเป็นดาวรุ่งฝีเท้าดีด้วย สโมสรชอบใช้งานดาวรุ่งอยู่แล้ว"
แต่คำตอบนั้นก็ไม่ได้ทำให้บรรดาสื่ออังกฤษหยุดขุดคุ้ยเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
แม็ตต์ ลอว์ นักข่าวของ เทเลกราฟ ผู้คลุกคลีอยู่ในรั้ว เดอะ บริดจ์ เชื่อว่า มีปัญหาส่วนตัวเกิดขึ้นระหว่าง คอนเต้ กับ ลุยซ์ ตั้งแต่เกมยุโรปแล้ว
ในเกมแรกกับ โรม่า ที่ เดอะ บริดจ์ คอนเต้ ไม่พอใจปฏิกริยาของ ลุยซ์ ตอนถูกเปลี่ยนตัวในนาที 57 ซึ่งตอนนั้นทีมนำอยู่ 2-1 ก่อนจบเกมที่สกอร์ 3-3 และมีการตำหนิในช่วงซ้อมหลังจากนั้น
และในเกมที่กรุงโรม กุนซือชาวอิตาเลียน ยิ่งโมโหหนักกับการคุมแนวรับของ ลุยซ์ โดยเฉพาะการจับ เอดิน เชโก้
อีกคนที่หายจ้อยจากข้างสนามคือ เคเนดี้ ที่ถูกแฉว่าไม่สนใจการแก้เกมของเจ้านายในเกมที่ อิตาลี จน คอนเต้ ถึงกับเตือนลูกทีมทุกคนในห้องแต่งตัวว่าใครก็ตามที่ไม่ทำตามคำสั่ง จะไม่ได้ลงเล่นในทีมของเขา
ภายหลังชัยชนะเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด สถานการณ์ทุกอย่างของ คอนเต้ กลับมาสดใสและคลี่คลายอีกครั้ง แม้โอกาสลุ้นแชมป์ยังคงเลือนลางเพราะตามผู้นำ 9 คะแนนเท่าเดิม แต่ก็ไล่หลัง ผีแดง ทีมอันดับ 2 และ สเปอร์ส ทีมอันดับ 3 เหลือแต้มเดียวแล้ว
จากประตูชัยของ อัลบาโร่ โมราต้า และแอสซิสต์ของ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ยังทำให้คู่หูสแปนิชเพิ่มยอดรวมเป็น 5 ประตูแล้ว ในฐานะคนยิงและคนจ่าย
สามคะแนนจาก 'บิ๊กแมตช์' เกมนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและสภาพจิตใจก่อนพักให้โปรแกรมทีมชาติ 2 สัปดาห์ ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ตอนแพ้ แมนฯ ซิตี้ เมื่อเดือนที่แล้ว
และหลังจบสัปดาห์ทีมชาติ เชลซี มีโปรแกรมเยือน เวสต์บรอมวิช และ 'บิ๊กแมตช์' เยือน แอนฟิลด์ ของ ลิเวอร์พูล สัปดาห์ถัดมา จากนั้นก็จะเข้าสู่โหมดเบาๆ ไปจนจบปี 2017