:::     :::

โกลเด้นบอย...โลกไม่จำ

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2562 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
2,472
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เหลือบไปเห็นข่าวการแขวนสตั๊ดของ อันแดร์สัน แล้วนึกใจหาย เพราะนี่คืออดีตแข้ง 'โกลเด้นบอย' ที่ถูกโลกฟุตบอลลืมเลือนตั้งแต่อายุยังไม่ขึ้นหลักสาม

แม้รางวัล 'โกลเด้นบอย' จะเป็นความสำเร็จก้าวแรกของดาวดังระดับโลกหลายต่อหลายคน อาทิ ลีโอเนล เมสซี่, เวย์น รูนี่ย์, เซร์คิโอ อเกวโร่, ปอล ป็อกบา

แต่ก็ยังมีเจ้าของรางวัลนี้อีกหลายคนที่ไปไม่สุดในเส้นทางค้าแข้ง
อันแดร์สัน (2008)
จาก เกรมิโอ สโมสรในลีกบ้านเกิด สู่ยุโรปครั้งแรกกับ ปอร์โต้ ทีมดังโปรตุเกส และใช้เวลาแจ้งเกิดเพียงซีซั่นครึ่ง ก็ก้าวเท้าสู่หนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2007 ค่าตัวไม่เบาทีเดียวสำหรับช่วงเวลานั้น 30 ล้านยูโร
อันแดร์สัน มาพร้อมความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ แม้ซีซั่นแรกตลอด 38 เกมรวมทุกรายการไม่มีประตู แต่ประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตามด้วยรางวัลเกียรติยศส่วนตัว 'โกลเด้นบอย' ที่มอบให้กับดาวรุ่งอายุไม่เกิน 21 ปีที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นที่สุดในลีกยุโรป
แม้อยู่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นานถึง 8 ฤดูกาล แต่สิ่งที่ อันแดร์สัน ค่อยๆ หดหายไปคือความสม่ำเสมอและทัศนคติในการเล่น สวนทางกับรูปร่างที่อ้วนท้วมสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถูก ปีศาจแดง ปล่อยตัวหลังหมดสัญญาในปี 2015
จากนั้น อันแดร์สัน ก็กลายเป็นบุคคลหายสาบสูญในโลกฟุตบอล หลังย้ายกลับลีกบ้านเกิดไปเล่นกับ อินเตอร์ นาซิอองนาล และ โคริติบา (สัญญายืมตัว) แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
การย้ายกลับยุโรปร่วมทัพ อาดาน่า เดมีร์สปอร์ ทีมลีกรองตุรกี ผ่านไปไม่ถึงสองเดือน ต้นสังกัดก็แจ้งการแขวนสตั๊ดของกองกลางบราซิล ที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของโค้ช ทำให้ช่วงอาชีพค้าแข้งของ อันแดร์สัน จบลงแบบไม่น่าจดจำ
เรนาโต้ ซานเชส (2016)
มิดฟิลด์โปรตุกีสน่าจะเป็นเคสที่ใกล้เคียงกับ อันแดร์สัน มากที่สุด เพราะหลังจากถูก แฟร์นันโด ซานโต๊ส เรียกติดทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่เพียงไม่กี่เดือน ก็หนีบไปลุยยูโร 2016 และครองแชมป์กลับมาอย่างยิ่งใหญ่
แต่ก่อนหน้านั้น บาเยิร์น มิวนิค จัดการลงทุนล่วงหน้าจ่าย 35 ล้านยูโร (บวกอีก 45 ล้านยูโรตามเงื่อนไข) สอยกองกลางอนาคตไกลมาจาก เบนฟิก้า และนอนอมยิ้มดูฟอร์มนักเตะในทัวร์นาเมนต์ที่ฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม การลงทุน (สำหรับดาวรุ่ง) มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
และครั้งนี้ บาเยิร์น ต้องขาดทุน แม้ส่งตัวไปชุบกับ สวอนซี ในพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2017-18 และให้โอกาสมากทีเดียวในฤดูกาลถัดมา แต่เมื่อ 'ไม่ไหว อย่าฝืน' จึงตกลงปลงใจขายให้ ลีลล์ ทีมในลีกเอิง ฝรั่งเศส เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวที่น่าพอใจทีเดียว 25 ล้านยูโร
หลังจากนี้ต้องรอดูว่า อดีตแข้ง 'โกลเด้นบอย' ปี 2016 จะกลับสู่ฟอร์มเก่งของตัวเองได้อีกครั้งหรือไม่
มาริโอ เกิทเซ่ (2011)
เพราะความอยากเด่นอยากดังมากขึ้น ทำให้เส้นทางค้าแข้งของ เกิทเซ่ ไปไม่สุด และต้องฟุบลงแม้ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาจะคว้าแชมป์มาครองอย่างมากมาย
เกิทเซ่ แจ้งเกิดกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อย่างรวดเร็วตั้งแต่อายุ 17 มีส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 ฤดูกาลติดต่อกัน 2010-11, 2011-12 และคว้ารางวัล 'โกลเด้นบอย' มาครองในปี 2011
ก่อนย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค และสอยถาดแชมป์มาได้อีก 3 ซีซั่นติดต่อกัน 2013-14, 2014-15, 2015-16 ระหว่างนั้นคือการสวมบทฮีโร่ยิงประตูชัยพา เยอรมนี ครองแชมป์โลก 2014
แต่หลังจากนั้นผลงานของ เกิทเซ่ ค่อยๆ ตกลงไปพร้อมกับการหลุดเป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง จนปี 2016 ตัดสินใจย้ายกลับ ดอร์ทมุนด์ สโมสรเก่า
แต่ก็ไม่ใช่ เกิทเซ่ คนเดิมอีกต่อไปแล้ว
และด้วยการเสริมทัพในแนวรุกที่อัดแน่นขึ้นในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เกิทเซ่ จึงกลายเป็นตัวสำรองของ ดอร์ทมุนด์ ในช่วงต้นซีซั่นนี้ และส่อแววว่าจะต้องเผชิญซีซั่นที่ไม่น่าจดจำ ทั้งที่อายุอานามเพิ่ง 27 ปีเท่านั้น
อเล็กซานเดร ปาโต้ (2009)
เอซี มิลาน เฝ้าจับตามองและดึง ปาโต้ มาร่วมถิ่น ซาน ซีโร่ ตั้งแต่อายุ 18 และในซีซั่นแรก (ครึ่งฤดูกาลหลัง) 2007-08 ถือเป็นการเริ่มต้นที่สวยงาม 9 ประตูจาก 18 เกมเซเรีย อา
ตามด้วย 18 ประตูจาก 42 เกมรวมทุกรายการในซีซั่นสอง จนกลายเป็น 'โกลเด้นบอย' ในปี 2009 และอนาคตยิ่งสดใสขึ้นอีก เมื่อควง บาร์บาร่า แบร์ลุสโคนี่ ลูกสาวของ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ เจ้าของสโมสร (ก่อนเลิกราในปี 2013)
แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2011 เป็นต้นมา ปาโต้ ก็ประสบปัญหาบาดเจ็บบ่อยครั้ง และเมื่อกลับมาไม่เหมือนเดิม มิลาน ก็ตัดสินใจขายให้ โครินเธียนส์ ในช่วงเดือนมกราคมปี 2013
หลังจากไม่ประสบความสำเร็จที่ เชลซี (สัญญายืมตัว) กับ บียาร์เรอัล ปาโต้ ก็ออกเดินทางสู่เมืองจีนร่วมทัพ เทียนจิน และคืนฟอร์มเก่งยิง 36 ประตูจาก 60 นัดในช่วงสองฤดูกาลในศึกไชนีสซูเปอร์ลีก
เดือนมีนาคม 2019 ปาโต้ ตัดสินใจย้ายกลับ เซา เปาโล ทีมที่เคยโชว์ฟอร์มเปรี้ยงเมื่อครั้งยืมตัวจาก โครินเธียนส์ แม้มีข่าวมาตลอดว่าหลายทีมยักษ์ใหญ่พร้อมดึงกองหน้าที่เพิ่งอายุ 30 กลับยุโรป
ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (2003)
อดีตมิดฟิลด์ตัวรุกชาวดัตช์ คนแรกที่คว้ารางวัล 'โกลเด้นบอย' ในปี 2003 เมื่อครั้งแจ้งเกิดเต็มตัวกับสโมสรแรก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตัดสินใจย้ายทีมก้าวแรกไปที่ ฮัมบูร์ก แม้ตอนนั้นได้รับความสนใจจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป
หลังจากผลิต 21 ประตูจาก 44 เกมในเยอรมนี เรอัล มาดริด ก็ยื่นข้อเสนอดึงตัวไปร่วมทัพ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ที่มีเพียง 12 ประตูจาก 73 เกมตลอดสองฤดูกาล 2008-09, 2009-10
แม้หลังจากนั้น ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แต่ก็ไม่ได้สัมผัสถ้วยรางวัลอีกเลย เช่นเดียวกับการกลับ ฮัมบูร์ก รอบสอง, เรอัล เบติส, มิดทิลลันด์ และ เอสเบียร์ก สโมสรสุดท้ายในลีกเดนมาร์ก
มาริโอ บาโลเตลลี่ (2010)
หลังจากใช้เวลาสามฤดูกาลกับ อินเตอร์ มิลาน บาโลเตลลี่ ที่ยังไม่มีใครรู้จักความ 'เกรียน' มากนักในช่วงเวลานั้น ก็ตัดสินใจย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2010 พร้อมดีกรีนักเตะ 'โกลเด้นบอย' ตั้งแต่ปีแรกในแมนเชสเตอร์
เรื่องฝีเท้าหลายคนอาจเชื่อว่า บาโลเตลลี่ เป็นกองหน้าที่มีฝีตีนระดับท็อปของโลก แต่เรื่องสภาวะการควบคุมอารมณ์ หรือการใช้ชีวิตนอกสนาม ดาวเตะเลือดเนื้อเชื้อไขกาน่า เริ่มแสดงให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่ากำลังสร้างปัญหาในอาชีพค้าแข้งของตัวเอง
ฤดูกาล 2011-12 คือซีซั่นที่ดีที่สุดของ 'ซูเปอร์มาริโอ' กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากการยิง 13 ประตูใน 23 เกมพา เรือใบสีฟ้า ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยแรกของตัวเอง หลังจากก่อนหน้านั้นเคยสัมผัสสคูเด็ตโต้ 3 ซีซั่นกับ เนรัซซูรี่
แมนฯ ซิตี้ ยอมตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการขายไปให้ เอซี มิลาน ด้วยค่าตัวราวๆ 20 ล้านยูโร ในเดือนมกราคมปี 2013 และดูเหมือนว่าอนาคตของ บาโลเตลลี่ จะกลับมาสดใสอีกครั้ง หลังจากตะบัน 30 ประตูจาก 54 นัดในสองฤดูกาลที่ ซาน ซีโร่
แต่... การย้ายกลับพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ร่วมทัพ ลิเวอร์พูล ในปี 2014 คือการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะตลอด 16 เกมในพรีเมียร์ลีก มีให้เห็นเพียงประตูเดียว จนต้องปล่อยกลับ มิลาน ด้วยสัญญายืม แต่ 'ซูเปอร์มาริโอ' ก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
หลังจากนั้นก็ไม่มีอนาคตเมื่อเข้าสู่ยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ และยอมปล่อยฟรีไปให้ นีซ จนกลับมาคลำเป้าเป็นกอบเป็นกำอีกครั้งในเวทีลีกเอิง เช่นเดียวกับตอนอยู่ โอลิมปิก มาร์กเซย ซีซั่นที่แล้ว ก่อนตัดสินใจย้ายกลับไปตายรังในเซเรียอากับ เบรสชา

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})