:::     :::

"ผมเกือบไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ"

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2562 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,665
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โชลิงตอน ในวัยเยาว์ก็เป็นเหมือนเด็กๆ บราซิลทั่วไป แตกต่างเพียงแค่...ต้องเลี้ยงบอลหลบฝูงวัว และเกือบตกรถบรรทุกดับมาแล้ว

ณ ดินแดน อาลิอันซ่า ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ บราซิล สภาพอากาศที่นั่นไม่เคยต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เป็นสถานที่ที่ถือกำเนิด โชลิงตอน เด็กหนุ่มที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนคนอื่นๆ

ความฝันของ โชลิงตอน ไม่เพียงแค่เป็นจริงเท่านั้น แต่ยังสร้างชื่อสู่เวทีบุนเดสลีกา จนมาถึงพรีเมียร์ลีก ด้วยค่าตัวมหาศาล 40 ล้านปอนด์ ที่เป็นสถิติของสโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
หากย้อนกลับไป 11 ปีที่แล้ว โชลิงตอน ยังวิ่งเตะบอลอยู่กับเพื่อนๆ ในสนามที่ดูไม่เหมือนสนามบอลสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ต่างจากเด็กๆ บราซิลส่วนใหญ่
"ตอนนั้นผมอายุ 12 ปี เราออกไปเล่นฟุตบอลกัน แต่สนามอยู่ไกลมาก มีรถบรรทุกกำลังขับขึ้นเขาช้าๆ ผมเลยกระโดดขึ้นไปทางด้านหลัง ผมเกาะอยู่กับเพื่อนอีกสองคน หวังแค่ไปเตะบอลเท่านั้น"
"แม่ผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน จนถึงตอนนี้... ผมตกจากรถลงมาบนถนน แขนหัก และโกหกแม่ไปว่าเป็นเพราะเตะบอล เพราะผมรู้ดีว่าถ้ายอมเล่าความจริงไป แม่จะไม่ยอมให้ผมออกไปไหนทั้งสัปดาห์ และผมก็คงไม่ได้ไปเตะบอลด้วย"
"ในที่สุดผมก็ตัดสินใจว่าพอแล้ว เพราะแผลเป็นนี้จะติดตัวผมไปตลอดชีวิต"
สัปดาห์ถัดไป วันที่ โชลิงตอน และเด็กๆ ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อมีแมวมองของสโมสร สปอร์ต เรซิเฟ่ สโมสรในลีกสูงสุดบราซิล เข้ามาคัดเลือกเด็กไปทดสอบฝีเท้า
"มีเด็กๆ ประมาณ 170 คนที่นั่น เราเรียกมันว่าการกรอง กระบวนการคัดเลือกนักฟุตบอล พวกเขาดูฝีเท้าเด็กๆ หลายคน และพยายามเลือกคนที่ดีที่สุด"
"ตอนนั้นผมเพิ่งแขนหัก ผ่านการผ่าตัดมา และต้องใช้ผ้าพันแขนเอาไว้"
"ผมยิง 4 ประตู และเล่นได้ดี ผมเป็นเด็กคนเดียวที่ถูกเลือก แล้วผมก็ได้ไปทดสอบฝีเท้ากับ สปอร์ต เรคิเฟ่ นี่คือช่วงเวลาที่เป็นจุดเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งของผม"
เป็นการตัดสินใจที่ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะเด็กหนุ่มจาก อาลิอันซ่า ต้องจากบ้านและมารดาไปไกลกว่า 50 ไมล์เพื่อเข้าทีมเยาวชนของ สปอร์ต เรซิเฟ่ แต่สุดท้าย ฟุตบอลคือคำตอบ
"มันไม่ยากเลยที่จะบอกว่า "แน่นอน ผมจะไปที่นั่น" ผมต้องการสิ่งนี้มาโดยตลอด มันคือความฝันของผม ผมมองไม่เห็นตัวเองไปทำอย่างอื่นได้เลย แม่ผมก็เป็นห่วง แต่เธอไม่เคยบอกผมว่าอย่าไป มันจึงไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากนัก"
ช่วงเวลาล่วงเลยไปหลายปี โชลิงตอน กลับมาเหยียบสถานที่เก่าๆ ที่กลายเป็นความทรงจำในวัยเด็ก และเรื่องราวทุกอย่างก็ผุดขึ้นมาอยู่ในหัว
"นี่คือสนามที่ผมเตะบอลเล่นกับเพื่อนๆ ทุกวันตอน 5 ขวบ มันไม่ใช่สนามที่ดีนักหรอก ไม่เหมือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค แต่เราก็มีความสุขเสมอ ได้ทำในสิ่งที่เรารัก และดวงอาทิตย์ก็สาดส่องที่นั่นเสมอ"
"คนแถวนั้นที่เลี้ยงวัวมักปล่อยพวกมันออกมากินหญ้า แล้วก็มีบางตัวที่หลงเข้ามาในสนาม ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา คุณต้องเลี้ยงบอลหลบพวกมันด้วย"
"แต่ถ้าพวกเขาปล่อยมันเข้ามามากเกินไป เราก็ต้องไล่ต้อนพวกมันออกไปที่อื่น แล้วก็กลับมาเตะบอลกันต่อ ไม่มีอะไรมาหยุดพวกเราได้"
ในวัยเด็ก โชลิงตอน อาจยังไม่รู้ตำแหน่งถนัดของตัวเอง แต่ที่แน่ๆ เขาไม่อยากไปยืนเฝ้าเสา
"ไม่มีใครอยากเป็นประตู และแน่นอน ต้องไม่ใช่ผมแน่ ผมแค่ปล่อยบอลเข้าไป พวกเพื่อนๆ จะได้ให้ผมออกมา"
"และเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน แม่ผมจะมาตามกลับบ้าน ผมชอบไปแอบแม่ ผมไม่เคยชอบเลยเมื่อถึงเวลาต้องเลิกเล่น"
ถึงตอนนี้ โชลิงตอน อาจต้องพิสูจน์ตัวเองและปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นพรีเมียร์ลีก แต่ประตูชัยที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ในเดือนสิงหาคม ถือเป็นการเริ่มต้นที่น่าประทับใจ
"ถือเป็นช่วงเวลาอันสวยงามที่ผมจะเก็บเอาไว้จนชั่วชีวิต ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ลูกให้หลานฟัง มันน่าทึ่งมาก"
"การได้สวมหมายเลข 9 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีให้ตัวผม ถือเป็นเกียรติมาก"
"ขึ้นอยู่กับผมแล้วที่จะตอบแทนเรื่องนั้นด้วยประตู และนี่เพิ่งเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น"

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด