'โกลเด้นบอย' ได้รับการยกย่องในฐานะรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับนักเตะดาวรุ่งอายุไม่เกิน 21 ปี และในปี 2019 มีการประกาศผู้เข้าชิงรางวัล 20 คนสุดท้ายกันแล้ว
รางวัล 'โกลเด้นบอย' ก่อตั้งขึ้นมาจากสื่อกีฬาชื่อดังของอิตาลี ตุ๊ตโต้สปอร์ต ที่มอบรางวัลนี้ให้กับดาวรุ่งฟอร์มเด่นที่เล่นอยู่ในลีกสูงสุดยุโรป โดยวัดผลงานตามปฏิทินของแต่ละปี ยกตัวอย่างปี 2019 ก็นับผลงานครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2018-19 รวมกับครึ่งซีซั่นแรกของฤดูกาล 2019-20
นอกเหนือจาก ตุ๊ตโต้สปอร์ต ผู้ก่อตั้งแล้ว สมาชิกที่ร่วมลงคะแนนด้วยได้แก่ บิลด์ (เยอรมนี), บลิค (สวิตเซอร์แลนด์), อา โบล่า (โปรตุเกส), เลกิ๊ป (ฝรั่งเศส), ฟร้องซ์ ฟุตบอล (ฝรั่งเศส), มาร์ก้า (สเปน), มุนโด เดปอร์ตีโบ (สเปน), ทา เนีย (กรีซ), สปอร์ต เอ็กซ์เพรส (รัสเซีย), เด เทเลกราฟ (ฮอลแลนด์) และ เดอะ ไทม์ส (สหราชอาณาจักร)
ปีแรกที่มีการแจกรางวัล 'โกลเด้นบอย' เกิดขึ้นในปี 2003 ตกเป็นของ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่แจ้งเกิดกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และดาวรุ่งที่กลายเป็นดาวดังในเวลาต่อมาหลายต่อหลายคนก็เคยคว้ารางวัลนี้ อาทิ ลีโอเนล เมสซี่, เวย์น รูนี่ย์, เซร์คิโอ อเกวโร่, ปอล ป็อกบา, คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นต้น โดยหนล่าสุดในปี 2018 ผู้คว้ารางวัลคือ มัทไธส์ เดอ ลิกท์
สำหรับปี 2019 เพิ่งมีการประกาศรายชื่อนักเตะที่เข้าชิงรางวัลจาก 40 เหลือ 20 คนสุดท้ายแล้ว มีใครอยู่ในโผกันบ้าง...ไปติดตาม
อันซู ฟาตี (บาร์เซโลน่า)
เดิมที ปีกสายเลือดกินี-บิสเซา ไม่ได้มีชื่ออยู่ในลิสต์ 40 นักเตะที่ประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เพชรเม็ดงามของ บาร์เซโลน่า กลับถูกใส่ชื่ออยู่ใน 20 คนสุดท้าย เพราะผลงานในช่วงที่ผ่านมาล้วนๆ หลังถูกส่งลงสนามเกมแรกลาลีกาในวัย 16 ปี 298 วัน เกือบทำลายสถิติอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่รักษาเอาไว้ตั้งแต่ปี 1941 แต่ประตูที่ยิง โอซาซูน่า ก็ทำให้ ฟาตี กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงประตูให้สโมสร 16 ปี 304 วัน และเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ลาลีกา
โดเนียลล์ มาเล็น (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น)
อดีตดาวรุ่ง อาร์เซน่อล ที่ไม่ได้รับโอกาส และปล่อยตัวมาให้ พีเอสวี ตั้งแต่ปี 2017 ระเบิดฟอร์มเก่งกับทีมดังฮอลแลนด์ในฤดูกาลนี้ หลังยิงไปแล้ว 16 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ จาก 18 เกมรวมทุกรายการ และเมื่อได้รับโอกาสในทีมชาติฮอลแลนด์ชุดใหญ่ครั้งแรก ก็พังประตูแรกได้ทันทีในเกมชนะ เยอรมนี 4-2 เมื่อเดือนกันยายน
อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ (บาเยิร์น มิวนิค)
ปีกทีมชาติแคนาดา ยังคงนั่งรอโอกาสประเดิมตัวจริงในเกมบุนเดสลีกา เพราะนับตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว เดวี่ส์ ยังไม่เคยออกสตาร์ตด้วยการเป็นสิบเอ็ดคนแรกในลีกเลย แม้ดาวรุ่งวัย 18 ปีที่ผันตัวเองลงไปยืนแบ็กซ้ายได้ จะมีตัวเลขการเลี้ยงบอลต่อเกมเหนือกว่าเพื่อนร่วมทีม บาเยิร์น คนอื่นๆ ก็ตาม
เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ (เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก)
18 ประตูจาก 11 เกมในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 2019-20 ทำให้ชื่อของ ฮาแลนด์ รุ่นลูก กลายเป็นศูนย์หน้าเนื้อหอมที่ได้รับความสนใจจากยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ยิ่งไปกว่านั้น ศูนย์หน้าทีมชาตินอร์เวย์ ยังมีผลงานยอดเยี่ยมในการประเดิมรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้ เพราะยิง 4 ประตูจากการส่อง 4 ครั้งแรก เป็นแฮตทริกในเกมเจอ เกงค์ และอีกหนึ่งประตูที่บ้าน ลิเวอร์พูล
ไค ฮาเวิร์ทซ์ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น)
มิดฟิลด์วัย 20 ปี เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ฉายแสงเจิดจรัสมากที่สุดคนหนึ่งในยุโรป หลังจากพังไป 20 ประตูจาก 42 เกมในฤดูกาล 2018-19 ในจำนวน 17 ประตูเกิดขึ้นในบุนเดสลีกา กลายเป็นสถิตินักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงได้มากที่สุดในฤดูกาลเดียวด้วย และมาซีซั่นนี้ ฮาเวิร์ทซ์ ก็ยังเป็นตัวรุกในแนวรุกที่สร้างสรรค์โอกาสมากกว่าใครในทีมด้วย
เดยัน โยเวลิช (เซอร์เวน่า ซเวซดา / แฟร้งค์เฟิร์ต)
14 ประตูกับ 2 แอสซิสต์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ แฟร้งค์เฟิร์ต ยอมเจียดเงินเบาๆ 4 ล้านยูโรดึงตัวมาจาก เซอร์เวน่า ซเวซดา เพื่อหวังปลุกปั้นให้เป็น ลูก้า โยวิช คนใหม่ ที่ขายไปให้ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาลหลายเท่าถึง 60 ล้านยูโร แต่ดูเหมือนศูนย์หน้าวัย 20 ปีคงต้องใช้เวลาปรับตัวเล่นในถิ่น คอมเมอร์ซบังค์-อารีน่า อีกสักระยะ
อี คัง-อิน (บาเลนเซีย)
ปีกหน้าตี๋วัยละอ่อนแจ้งเกิดมาจากเวที ฟีฟ่า ยู-20 เวิลด์คัพ ในปีนี้ ที่ยิง 2 ประตูกับ 4 แอสซิสต์พา เกาหลีใต้ ไปไกลถึงรองแชมป์ และตัวเองก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ หรือ โกลเด้นบอล จนทำให้ได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่ของ บาเลนเซีย ในช่วงต้นซีซั่นเยอะทีเดียว หลังจากฤดูกาลที่แล้วได้ลองชิมรสชาติในลาลีกามาเบาๆ 3 นัด สลับกับการลงเล่นให้ทีมชุดเบ ในศึกเซกุนดา เบ
ฟิล โฟเด้น (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ถึงขนาด เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ประกาศกร้าวจะไม่ปล่อยยืมมิดฟิลด์เท้าซ้ายตะขอรายนี้ทั้งซีซั่นที่แล้วและซีซั่นนี้ เพราะต้องการใช้งานในฐานะแบ็กอัพชั้นดี ขณะที่ทีมมีโปรแกรมลงเล่น 4 รายการตลอดซีซั่นนี้ ซึ่งผลงานของ โฟเด้น ธรรมดาซะที่ไหน เขาสร้างสรรค์โอกาสจากจังหวะผ่านบอลเรียด ตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2 ครั้งต่อเกม (เกมลีกซีซั่นที่แล้ว) มีเพียงแค่ เควิน เดอ บรอยน์ กับ ดาบิด ซิลบา ที่เหนือกว่า
ชูเอา เฟลิกซ์ (เบนฟิก้า / แอตเลติโก มาดริด)
เพชรเม็ดงามของวงการฟุตบอลโปรตุเกสที่รอการเจียระไนอีกนิด ซีซั่นที่แล้วใช้เวลาอันสั้นสร้างชื่อกับ เบนฟิก้า และจบฤดูกาลด้วยจำนวน 20 ประตูจาก 43 เกม พร้อมรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี ก่อนย้ายมา แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาล 126 ล้านยูโร สูงลิ่วสำหรับเด็กหนุ่มวัย 19 ปี แต่ก็ตอบแทนต้นสังกัดใหม่ไปแล้วด้วยการทำ 2 ประตูในช่วงต้นซีซั่น
อันเดร ลูนิน (เรอัล มาดริด / เลกาเนส / บายาโดลิด)
ผู้รักษาประตูหนุ่มชาวยูเครน ถูก เรอัล มาดริด ซื้อตัวมาจาก โซเรีย ลูกานส์ค เมื่อปีที่แล้ว และยังไม่ได้จับลงเฝ้าเสาเลยแม้แต่เกมเดียว โดยปล่อยให้ เลกาเนส ยืมซีซั่นก่อน แต่แทบไม่ได้ลงเล่น เช่นเดียวกับซีซั่นนี้ที่ บายาโดลิด แต่ดาวรุ่งวัย 20 ปีฝากชื่อเสียงเอาไว้จากเวที ฟีฟ่า ยู-20 เวิลด์คัพ ที่คว้ารางวัลถุงมือทองคำ และพา ยูเครน คว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่
วินิซิอุส จูเนียร์ (เรอัล มาดริด)
ศูนย์หน้าความเร็วสูงลีลาแซมบ้า ต้องปวดหัวกับการปรับตัวซีซั่นที่แล้วอยู่ไม่น้อย เพราะต้องร่วมงานกับเทรนเนอร์ถึงสามคน (จูเล็น โลเปเตกี, ซานติอาโก้ โซลารี่, ซีเนอดีน ซีดาน) แต่หลังจากพักยาวเพราะปัญหาที่เอ็นหัวเข่า วินิซิอุส ก็กลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง และมีตัวเลขการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมทีมทุกคนในช่วงต้นฤดูกาลนี้
มัตเตโอ เกนดูซี่ (อาร์เซน่อล)
ตอนย้ายมาใหม่ๆ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เกนดูซี่ ถูกตั้งคำถามมากทีเดียวเรื่องฝีเท้าที่อาจจะยังไม่ถึงชั้นพรีเมียร์ลีก แต่เล่นไปเล่นมา อดีตกองกลาง ลอริยองต์ ค่อยๆ ปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้กลายเป็นตัวเลือกคนสำคัญของ อูไน เอเมรี่ และมีตัวเลขการผ่านบอลประสบผลสำเร็จมากถึง 403 ครั้ง มากกว่าทุกคนในทีม ปืนใหญ่ ซีซั่นนี้
มอยส์ คีน (ยูเวนตุส / เอฟเวอร์ตัน)
เป็นเพราะผลงานกับ ยูเวนตุส ที่ยิง 6 ประตูใน 6 เกม ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน และทีมชาติอิตาลี ที่ยิง 2 ประตูใน 2 เกม ที่ทำให้ชื่อของ คีน ยังคงเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองของยุโรป เพราะการย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ เอฟเวอร์ตัน ศูนย์หน้าเชื้อสายไอวอรี่โคสต์ยังคงต้องปรับตัวอีกสักระยะ ก่อนอื่นเลยต้องสร้างโอกาสลงสนามให้ตัวเองให้ได้เสียก่อน
เฟร์ราน ตอร์เรส (บาเลนเซีย)
ตอร์เรส ฝากผลงานเลื่องชื่อเอาไว้ในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร ยู-19 เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังยิงคนเดียวสองประตูพา สเปน ชนะ โปรตุเกส 2-0 คว้าแชมป์รายการนี้ เป็นผลให้ บาเลนเซีย จับลงเล่นเป็นตัวจริงบ่อยครั้งทีเดียวในฤดูกาลนี้ จุดเด่นอยู่ที่ลีลาการเล่นอันพริ้วไหว และความเร็วที่จัดจ้านไม่เป็นรองใคร
มัทไธส์ เดอ ลิกท์ (อาแจ็กซ์ / ยูเวนตุส)
เจ้าของรางวัลนี้เมื่อปีที่แล้ว ยังคงมีชื่อชิงรางวัลในปีนี้อีกครั้ง หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ดีกับ อาแจ็กซ์ ด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในประเทศ และใน แชมเปี้ยนส์ลีก ไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ กวาดรางวัลเกียรติยศส่วนตัวต่างๆ มาครองมากมาย ก่อนย้ายไปอยู่ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวมหาศาลเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
เมสัน เมาท์ (เชลซี)
มิดฟิลด์คู่บุญของเจ้านาย แฟร้งค์ แลมพาร์ด กลายเป็นตัวหลักในแนวรุกของ เชลซี ในฤดูกาลนี้ โดยสร้างสรรค์โอกาสทำประตูไปแล้ว 17 ครั้งมากกว่าทุกคนในทีมซีซั่นนี้ และเพิ่งได้รับรางวัลตอบแทนผลงานคือการลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เจอกับ สาธารณรัฐเช็ก
นิโคโล่ ซานิโอโล่ (โรม่า)
ผลงานแจ่มๆ ของ ซานิโอโล่ เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2018-19 ล้วนๆ จนคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งเซเรียอาด้วย และได้รับโอกาสในทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ไปแล้ว 4 เกม แต่มาฤดูกาลนี้ ผลงานของต้นสังกัด โรม่า ตกลงไปมาก เช่นเดียวกับฟอร์มของมิดฟิลด์วัย 20 ปี ที่ทำให้ข่าวคราวในตลาดซื้อขายกับทีมอื่นค่อยๆ เงียบหายลงไปด้วย
เจดอน ซานโช่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)
ปีกจอมแอสซิสต์ สร้างสถิติต่างๆ ขึ้นมามากมายกับ ดอร์ทมุนด์ โดยซีซั่นที่แล้วกดไป 13 ประตูกับ 19 แอสซิสต์ และเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ก็ยังคงความยอดเยี่ยมเช่นเดิม นำดาวแอสซิสต์ 5 ประตูจนถึงเวลานี้ และกลายเป็นสมาชิกขาประจำในทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ไปแล้ว จนได้รับความสนใจจากหลายทีมใหญ่พรีเมียร์ลีกที่ต้องการดึงอดีตดาวรุ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับไปสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในชีวิต
จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (เอซี มิลาน)
แค่วัย 20 ปี ดอนนารุมม่า ลงเล่นให้ต้นสังกัด มิลาน และทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ไปแล้วเกือบๆ 200 นัด เป็นเพราะได้โอกาสลงเฝ้าเสาในฐานะมือหนึ่งตั้งแต่อายุ 17 ปี แม้ผลงานที่ผ่านมาจะทรงๆ ทรุดๆ พอๆ กับต้นสังกัด แต่มาปีนี้ เจ้าของส่วนสูง 6 ฟุต 5 นิ้ว มีค่าเฉลี่ยเซฟประตูยอดเยี่ยมที่สุดในเซเรียอาถึง 77.91 เปอร์เซนต์
โรดรีโก้ (เรอัล มาดริด)
น่าประหลาดใจไม่น้อยที่ โรดรีโก้ มีชื่อหลุดรอดเข้ามาอยู่ในลิสต์ 20 คนสุดท้าย ทั้งที่เพิ่งย้ายจาก ซานโต๊ส มาอยู่กับ เรอัล มาดริด ค่าตัว (ตามคาด) มหาศาล 45 ล้านยูโร เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และยังลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ก็มีสถิติที่น่าทึ่งคือการพังประตูแรกในสีเสื้อ ราชันชุดขาว เพียง 93 วินาทีที่ลงสนามในเกมประเดิม
