เกม 'ฟรายเดย์ไนท์' ที่ เซนต์ แมรี่ส์ สเตเดี้ยม ฝากสถิติที่น่าสนใจให้เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก หลังจาก เลสเตอร์ บุกถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 9-0
9-0 กลายเป็นชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดในพรีเมียร์ลีก เทียบเท่าสถิติเมื่อปี 1995 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ชนะ อิปสวิช 9-0
9-0 ทำลายสถิติชนะเกมเยือนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 131 ปีในลีกสูงสุดอังกฤษ
9-0 ทำให้ เลสเตอร์ กลายเป็นทีมที่สองในพรีเมียร์ลีกที่มีนักเตะสองคนยิงแฮตทริกในเกมเดียวกัน (อาโยเซ่ เปเรซ กับ เจมี่ วาร์ดี้) หลังจาก อาร์เซน่อล เคยทำได้เมื่อปี 2003 (เจอร์เมน เพนแนนท์ กับ โรแบร์ ปิแรส) ซึ่งคู่แข่งก็คือ เซาธ์แฮมป์ตัน เหมือนกัน
แต่ 9-0 ยังไม่ใช่สถิติยิงประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก เมื่อนับรวมสกอร์ทั้งสองฝั่ง เพราะสถิติคือ 11 ประตูที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2007 ขณะที่ 9 ประตูที่ เซนต์ แมรี่ส์ กลายเป็น 1 ใน 19 คู่ที่ทำได้
และนี่คือ 6 เกมในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ซัลโวกันแหลก
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 6 - เร้ดดิ้ง 4
29 ธันวาคม 2007
เกมที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ฤดูกาล 2007-08 มีเพียงสองประตูเกิดขึ้นในช่วงเวลาแรกเหมือนเกมทั่วๆ ไป ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ยิงขึ้นนำให้ สเปอร์ส 7 นาทีแรก ก่อนถูก เร้ดดิ้ง ตีเสมอจาก คาลิฟา ซิสเซ่ ในนาที 16
แต่ครึ่งหลังยิงกันแหลก 8 ประตู และเป็นทีมเยือนที่ยิงนำก่อนถึง 3 ครั้ง อีวาร์ อิงกิมาร์สสัน ยิงนำ 2-1 นาที 53, เบอร์บาตอฟ ตามตี 2-2 นาที 63, เดฟ คิตสัน ยิงนำ 3-2 นาที 69, เบอร์บาตอฟ ตามตี 3-3 นาที 73, คิตสัน ยิงนำ 4-3 นาที 74, สตีด มัลบร็องก์ ตามตี 4-4 นาที 76
จากนั้นเป็น ไก่เดือยทอง ที่ยิงปิด 5-4 จาก เจอร์เมน เดโฟ นาที 79 และ 6-4 เบอร์บาตอฟ ซัลโวประตูที่สี่ของตัวเองในเกมนี้นาที 83 เป็น 10 ประตูที่เกิดขึ้นในช่วงโปรแกรมโหดก่อนเข้าวันปีใหม่
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 5 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5
19 พฤษภาคม 2013
เกมสุดท้ายของฤดูกาล 2012-13 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คอนเฟิร์มคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปเรียบร้อยแล้ว และเป็นฤดูกาลสุดท้ายในการคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงไร้ความกดดันทั้งสองทีม
ดูเหมือนว่าจะเป็นเกมปิดซีซั่นด้วยชัยชนะของ ปีศาจแดง เมื่อออกนำ 3 ประตูตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก จาก ชินจิ คางาวะ นาที 6, โยนัส โอลส์สัน ทำเข้าประตูตัวเองนาที 9, อเล็กซานเดอร์ บุทท์เนอร์ นาที 30 และท้ายครึ่งแรก เวสต์บรอม ไล่มาจาก เจมส์ มอร์ริสัน นาที 40
ครึ่งหลังรัวยิงกันแหลกต่อ โรเมลู ลูกากู ที่ซีซั่นนั้น เดอะ แบ๊กกี้ส์ ยืมมาจาก เชลซี ยิงไล่มา 2-3 นาที 50, แมนฯ ยูไนเต็ด หนีเพิ่ม 4-2 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ นาที 53 และยิงอีก 5-2 จาก ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ นาที 63 แต่การนำสามประตูก็ไม่ชนะ เพราะเจ้าบ้านยิงคืนในช่วง 10 นาทีสุดท้าย จาก ลูกากู นาที 81, 86 และ ยุสซูฟ มูลุมบู นาที 81 ซึ่ง 10 ประตูที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ ยังเป็นสถิติเสมอในสกอร์สูงที่สุดของพรีเมียร์ลีกด้วย
อาร์เซน่อล 7 - นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3
29 ธันวาคม 2012
โปรแกรมชุกในช่วงคริสต์มาสต่อปีใหม่ของฤดูกาล 2012-13 มีเกมที่ยิงกันแหลก 10 ประตูเกิดขึ้นที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และเป็นอีกหนึ่งเกมที่ครึ่งแรกมีเพียงสองประตูเกิดขึ้นในสกอร์ 1-1 ธีโอ วัลค็อตต์ ยิงให้ อาร์เซน่อล ออกนำ 1-0 นาที 20 ก่อนถูก เดมบา บา ตีคืนนาที 43
กลับมาเล่นครึ่งหลัง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยิง 2-1 ให้ ปืนใหญ่ นาที 50 นิวคาสเซิ่ล ยังตามตื้อได้เร็ว 2-2 จาก ซิลแว็ง มาร์กโวซ์ นาที 59 เจ้าบ้านยังนำอีก 3-2 ลูคัส โพดอลสกี้ นาที 64 แต่ สาลิกาดง ยังตามตื้อเป็น 3-3 จาก บา คนเดิมนาที 69
หลังจากนั้น เดอะ กันเนอร์ส มายิง 4 ประตูฝ่ายเดียว จาก วัลค็อตต์ นาที 73, โอลิวิเย่ร์ ชีรูด์ นาที 84 และ 87 ก่อนปิดท้ายด้วยแฮตทริกของ วัลค็อตต์ ในช่วงทดเจ็บนาที 92
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 9 - วีแกน แอธเลติก 1
22 พฤศจิกายน 2009
10 ประตูเกิดขึ้นที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน อีกครั้ง แม้เกมนี้ดูไม่มีวี่แววว่าจะยิงกันถล่มทะลายขนาดนี้ เพราะครึ่งแรกมีเพียงประตูเดียวจากศูนย์หน้าหุ่นเสาไฟฟ้า ปีเตอร์ เคร้าช์ ตั้งแต่ 9 นาทีแรก
ครึ่งหลัง เจอร์เมน เดโฟ ยิง 2 ลูกนาที 51, 54 ก่อนถูก วีแกน ไล่มา 1-3 จาก พอล ชาร์เนอร์ นาที 57 หลังจากนั้น สเปอร์ส รัวกระสุนข้างเดียว 6 ประตูจาก เดโฟ ที่ยิงเป็นเข้า นาที 58, 69, 87 เดวิด เบนท์ลี่ย์ นาที 88 และ นิโก้ ครานชาร์ นาทีสุดท้าย
จาก 5 ประตูของ เดโฟ กลายเป็นสถิติยิงประตูมากสุดในพรีเมียร์ลีกเกมเดียวร่วมกับ แอนดี้ โคล, อลัน เชียเรอร์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ แต่ครองสถิติคนเดียวที่ยิง 5 ประตูในครึ่งเวลาเดียว (ครึ่งหลัง)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 8 - อาร์เซน่อล 2
28 สิงหาคม 2011
ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะได้เห็น 10 ประตูเกิดขึ้นในบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก แต่ก็เกิดขึ้นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ฤดูกาล 2011-12 ในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รับการมาเยือนของ อาร์เซน่อล
ครึ่งแรกมี 4 ประตูเกิดขึ้น ปีศาจแดง ออกนำ 3-1 จาก แดนนี่ เวลเบ๊ค นาที 22, แอชลี่ย์ ยัง นาที 28, เวย์น รูนี่ย์ นาที 41 ขณะที่ ปืนใหญ่ ตีตื้นในช่วงทดเจ็บออกไป 3 นาทีจาก ธีโอ วัลค็อตต์
45 นาทีหลัง รูนี่ย์ ยิงเพิ่มนาที 64, นานี่ นาที 67, พาร์ค ชี-ซอง นาที 70 ก่อนที่ทีมเยือนไล่มาห่างๆ 2-6 จาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แต่เจ้าบ้านก็ปิดกล่องจากจุดโทษซึ่งเป็นแฮตทริกของ รูนี่ย์ นาที 82 และ ยัง ยิงเบิ้ลช่วงทดเจ็บนาที 91 กลายเป็นชัยชนะถล่มทะลายอีกหนึ่งนัดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
พอร์ทสมัธ 7 - เร้ดดิ้ง 4
29 กันยายน 2007
เกมที่ แฟร็ตตัน พาร์ค ในฤดูกาล 2007-08 คือเกมแห่งสถิติยิงประตูมากที่สุด 11 ประตูในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเกิดขึ้นกับ พอร์ทสมัธ ยุครุ่งเรืองของกุนซือคนดัง แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ และ เร้ดดิ้ง ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของกุนซือ สตีฟ ค็อปเปลล์
เบนจามิน 'เบนจานี่' เอ็มวารูวารี ยิงสองประตูให้ ปอมปีย์ ออกนำ นาที 7, 37 ก่อนที่นาทีสุดท้ายครึ่งแรก เดอะ รอยัลส์ ยิงไล่มาจาก สตีเฟ่น ฮันท์ ยื้อให้สกอร์ยังออกเบียด
ครึ่งหลังยิงกันแหลก 8 ประตู ทีมเยือนตีเสมอ 2-2 จาก เดฟ คิตสัน นาที 48, จากนั้น พอร์ทสมัธ มายิงสามประตู นำ 3-2 จาก เฮอร์มันน์ ไฮรดาร์สสัน นาที 55, เอ็มวารูวารี ยิง 4-2 นาที 70 กลายเป็นแฮตทริกของ เบนจานี่ และ นิโก้ ครานชาร์ ยิง 5-2 นาที 75
ช่วง 15 นาทีสุดท้ายยังมีเพิ่มอีกสี่ประตู เชน ลอง ยิงให้ เร้ดดิ้ง ไล่มา 3-5 นาที 79, อีวาร์ อิงกิมาร์สสัน ยิงประตูตัวเองให้ ปอมปีย์ นำ 6-3 และช่วงทดเวลาบาดเจ็บมีฝั่งละประตู ซุลลี่ย์ มุนตารี่ กดจุดโทษให้เจ้าถิ่น และ โซล แคมป์เบลล์ ยิงประตูตัวเองให้ทีมเยือนไล่มา
จบด้วยสกอร์ 7-4 กลายเป็นสถิติยิงประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกที่อยู่ยืนหยัดมานานเกินหนึ่งทศวรรษแล้ว ยากจะหาเกมใดมาทำลายสถิตินี้ลง