20 คะแนนจาก 10 เกมแรก ที่คือผลงานที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกของ เลสเตอร์ ซิตี้ ยิ่งกว่าฤดูกาล 2015-16 ที่สร้างปาฏิหารย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเสียอีก
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามารับงานต่อจาก โคล้ด ปูแอล ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของซีซั่นก่อน ผลงานถือว่าไม่เลว 10 นัดสุดท้าย ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 3 พาทีมจบอันดับ 9 เป็นช่วงเวลาในการทดลองทีมที่ดี ก่อนเริ่มต้นซีซั่นใหม่ 2019-20 อย่างเต็มตัว
การเสริมทัพก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวา มีเพียงเซ็นถาวร ยูริ ตีเลม็องส์ และคว้า อาโยเซ่ เปเรซ, เดนนิส ปราต และ เจมส์ จัสติน ขณะที่เสียตัวหลัก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไปเพียงคนเดียว ถ้ามองในมุมการทำธุรกิจถือว่าประสบความสำเร็จทะลุเป้าเพราะเรียกค่าตัวได้ถึง 80 ล้านปอนด์
ผลงานซีซั่นนี้ของ ร็อดเจอร์ส กับ เลสเตอร์ ในฤดูกาลนี้ ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 2 โดยสองเกมที่แพ้เกิดขึ้นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กับ แอนฟิลด์ และเป็นการแพ้จากจุดโทษ
นอกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล แล้ว เลสเตอร์ ยังเจออีกสองทีมในกลุ่มบิ๊ก 6 นั่นคือการบุกเสมอ เชลซี 1-1 และเปิดบ้านเชือด ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1
ปาฏิหารย์แบบที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 2015-16 ยากที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่เป้าหมายสูงสุดในฤดูกาลนี้คือการจบ 4 อันดับแรกเพื่อตั๋วลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า
และอีกเป้าหมายสำคัญคือการสัมผัส 'โทรฟี่' อีกครั้งในถ้วยใบเล็กสุดในประเทศ
ชัยชนะที่ พิเรลลี่ สเตเดี้ยม เหนือ เบอร์ตัน อัลเบียน ทีมลีกวัน 3-1 เมื่อวันอังคาร ส่ง เลสเตอร์ เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย อีเอฟแอล คัพ หรือที่เรียกตามชื่อสปอนเซอร์ คาราบาวคัพ
ซีซั่นนี้กลายเป็นปีที่สามติดต่อกันที่ เลสเตอร์ ผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยสองฤดูกาลก่อนหน้านี้ จิ้งจอกสีน้ำเงิน ต้องเจอภาพหลอนซ้ำๆ เพราะการเผชิญหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งสองครั้งที่ คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม จบลงด้วยความพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษทั้งสองซีซั่น
(ส่วนรอบ 8 ทีมสุดท้ายซีซั่นนี้จะเจอใคร รู้ผลจับสลากวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม)
ผลพวงจากฟอร์มอันยอดเยี่ยมในช่วงต้นซีซั่น นอกจาก ร็อดเจอร์ส ที่สมควรได้รับเครดิตแล้ว บรรดาแนวรุกชุดนี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ เลสเตอร์ กำลังบินสูง เห็นได้จาก 25 ประตูจาก 10 เกมแรก ยิงมากที่สุดเป็นอันดับสองรองแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยิงไป 32 ประตูทีมเดียว เพราะทีมใหญ่ที่มีเกมรุกจัดๆ อย่างจ่าฝูง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี ยังยิงไป 23 ประตู
ตัวเลือกในแนวรุก นอกจากศูนย์หน้าตัวเป้า เจมี่ วารดี้ ที่คืนฟอร์มเก่ง ยิงไปแล้ว 9 ประตูจาก 10 เกมพรีเมียร์ลีก 'บี-ร็อด' ยังมี เจมส์ แมดดิสัน, ยูริ ตีเลม็องส์, อาโยเซ่ เปเรซ, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ สลับกันได้รับโอกาสลงปั้นเกมรุก ถึงขนาดที่ มาร์ค อัลไบรท์ตัน กับ ดีมาเร เกรย์ ยังหลุดเป็นสำรอง
หรือบางเกมยังใช้ ริคาร์โด้ เปเรร่า แบ็กขวาขึ้นมาเล่นปีกขวาได้ด้วย
ฤดูกาล 2019-20 จึงอาจเป็นซีซั่นที่ เลสเตอร์ ประสบความสำเร็จทั้งในและนอกสนาม แม้เป้าหมายการคว้าตั๋วลุยถ้วยใหญ่ยุโรปอาจเป็นความฝันที่ไกลเกินตัว แต่การเบียดทีมกลุ่ม 'ท็อป 6' ได้ก็ถือว่าทำตามเป้า