ทั้งที่มีตัวรุกแท้ๆ เพียงแค่ 2 คนอยู่ในสนาม แต่ เชลซี ยิ่งไล่ยิง เวสต์บรอมวิช ถึง 4 ประตู และยังเป็นชัยชนะ 4 นัดติดในพรีเมียร์ลีกด้วย
นั่นเป็นเพราะฟอร์มที่กำลังเข้าฝักของ เอแดน อาซาร์ ตัวปั้นเกม กับ อัลบาโร่ โมราต้า ตัวจบสกอร์ ที่ยากจะมีใครหยุดยั้งนาทีนี้
นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่สะดุดกึ้กแพ้ แมนฯ ซิตี้ คารัง 0-1 และบุกแพ้ทีมบ๊วย คริสตัล พาเลซ 1-2 สถานการณ์ของ อันโตนิโอ คอนเต้ กับ เชลซี อยู่ในขั้นวิกฤติ เพราะทำให้ทีมตามหลังจ่าฝูง เรือใบสีฟ้า 9 คะแนน
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการแข่งกับตัวเองให้ได้ เกมที่พลิกชนะ วัตฟอร์ด แบบกระท่อนกระแท่น 4-2 จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ สิงโตน้ำเงิน กลับมาอยู่ในเส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง
ประตูชัยประตูเดียวของ อาซาร์ ที่ บอร์นมัธ และประตูชัยประตูเดียวของ โมราต้า ดับ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในเกมที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์
เพราะการจัดทัพของ คอนเต้ อาจให้ เชส ฟาเบรกาส ขึ้นมาสนับสนุนเกมรุกมากขึ้น แต่ดูแล้วมิดฟิลด์สเปนก็ยังต่อบอลแดนกลางเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นคนที่แบกเกมรุกเต็มๆ จึงมีแค่ โมราต้า กับ อาซาร์
และเกมนี้ มีการให้คะแนนความสามารถ อาซาร์ ที่ซัลโว 2 ประตูคือ 'แมน ออฟ เดอะ แมตช์' แบบไม่ต้องสงสัยด้วยคะแนนเต็ม 10 และ โมราต้า ที่เบิกประตูแรกของเกม เอาไป 9
มาดูภาพรวมของทั้งทีมกัน เริ่มจาก ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูได้แค่ 6 คะแนน ไม่ใช่เพราะเล่นไม่ดี แต่เป็นเพราะแทบไม่ได้ทำอะไรเลย เนื่องจาก เวสต์บรอม แทบไม่มีจังหวะบุกกดดันใส่
แนวรับ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ก็แทบไม่ต่างกัน กองหลังสเปนยังโชว์ความแข็งแกร่งตามสไตล์ตัวเอง และแสดงให้เห็นถึงความเป็น มิสเตอร์ สม่ำเสมอ ต่อไป จึงเอาไป 7
อันเดรียส คริสเตนเซ่น อาจไม่มีความกดดันมากนักในเรื่องภาพรวมของเกม แต่เรื่องนอกสนามค่อนข้างกดดันทีเดียว กับการลงเล่นก่อน ดาวิด ลุยซ์ ที่หลุดโผทีมตัวจริงมา 2 นัดติดแล้ว แต่โดยรวมถือว่าตัดเกมคู่แข่งได้อย่างแข็งแกร่ง เอาไป 8
กัปตันทีม แกรี่ เคฮิลล์ มีเกมที่ดีมากทั้งลูกกลางอากาศและบนพื้น มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกมรุก เวสต์บรอม สร้างอันตรายแทบไม่ได้เลย เลยได้ไปมากที่สุด 9
หนึ่งประตูจากวิงแบ็กซ้าย มาร์กอส อลอนโซ่ และการเล่นเกมนี้ที่เน้นเกมรุกมากกว่าเกมรับ จึงเหมือนกับเป็นปีกซ้ายเต็มตัว ผลงานโดยรวมได้ไป 8
และฝั่งขวา ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า แบ็กอิตาเลียนได้ไป 7 กับการขับเคลื่อนทำเกมรุกได้ดีเช่นกัน แต่อาจยังโชว์ฟอร์มไม่สุด และพิสูจน์ไม่ได้ว่าเหนือกว่า วิคเตอร์ โมเสส อย่างไร หากวิงแบ็กขวาเบอร์ 1 ฟิตกลับมา
กับบทบาท 3 กองกลาง การได้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กลับมาตั้งแต่นัดก่อน ทำให้แดนกลางดูมีพละกำลังเพิ่มขึ้น ตัดบอล เก็บบอล ขับเคลื่อนบอล ได้ในตัวคนๆ เดียว และเกมนี้ก็ได้ไป 8
ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ เกมนี้ดูจะสนุกกับการมีส่วนร่วมเกมรุกมากขึ้น และทำได้ดีกับการเป็น 1 ใน 3 ตัวกลาง แต่เกมนี้ได้ไป 7 เพราะอาจจะติดอยู่นิดๆ เรื่องสัมผัสบอลที่ยังไม่เนียนตาสักเท่าไหร่
และด้วยระบบนี้ ทำให้ เชส ฟาเบรกาส มีอิสระในการเล่นทั้งเกมรุกและเกมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ทีมมี ก็องเต้ คอยเก็บกวาด จุดเด่นของ เชส ที่คายออกมาในเกมนี้คือจังหวะชิ่งในที่แคบๆ ที่เข้าขารู้ใจกับ อาซาร์ เป็นอย่างดี ได้ไป 8
มาถึงแนวรุก 2 คน เวลานี้จะหาใครมาหยุด อาซาร์ คงเป็นเรื่องยาก ยิ่งกับแท็กติกนี้ที่มีอิสระในการทำเกมรุกทั่วทุกจุดของสนาม ไม่ได้ฝังตัวเองอยู่ปีกซ้ายหรือตรงกลางเหมือนบางเกม ยิ่งทำให้มิดฟิลด์เบลเยียมสอดขึ้นไปยิงถึง 2 ประตู
และ โมราต้า ออกสตาร์ตด้วยประตูแรก และหนึ่งแอสซิสต์ให้ อาซาร์ ยิงประตูที่สอง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับศูนย์หน้าตัวเป้า
คะแนนความสามารถและข้อมูลที่นำมาอ้างอิง มาจากเว็บไซต์ ฟุตบอล.ลอนดอน
ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ อาซาร์ กับ โมราต้า กำลังพีคสุดๆ เพราะเกมต่อไปต้องบุกเยือน แอนฟิลด์ ของ ลิเวอร์พูล คู่ดึกคืนวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน หรือวันเสาร์หน้านั่นเอง
หากไม่มีปัญหาอะไรเพิ่มเติม เชื่อว่า คอนเต้ จะยึดระบบและตัวหลักชุดเดิมลงสนาม แนวรุกแม้จะมีตัวธรรมชาติแค่ 2 คน แต่ อาซาร์ กับ โมราต้า ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า "แค่สองคนก็พอ"