:::     :::

ทีมบ๊วยวันคริสต์มาส

วันพุธที่ 25 ธันวาคม 2562 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,550
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นับตั้งแต่เปลี่ยนเข้าสู่ยุคของพรีเมียร์ลีก ตลอด 27 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 3 ครั้งเท่านั้นที่ทีมบ๊วยในช่วงวันคริสต์มาส สามารถถีบตัวเองจนรอดตกชั้น

จาก 82 ทีมที่อยู่ในโซนแดงเมื่อถึงวันคริสต์มาส ตลอด 27 ฤดูกาลที่ผ่านมา (ฤดูกาล 1994-95 ตกชั้น 4 ทีม) มีเพียง 36 ทีมที่กระเถิบขึ้นมาอยู่รอดได้สำเร็จ เทียบแล้วอยู่ที่ 46 เปอร์เซนต์

และมีเพียง 2 ฤดูกาลที่ 3 ทีมโซนแดงในวันคริสต์มาส นัดกันตกชั้นทั้งหมด คือซีซั่น 2001-02 (อิปสวิช, ดาร์บี้, เลสเตอร์) และซีซั่น 2012-13 (วีแกน, เร้ดดิ้ง, ควีนส์ปาร์ค)
ขณะที่ ตลอด 12 ฤดูกาลแรกของพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ซีซั่น 1992-93 ไล่มาจนถึง 2003-04 ไม่เคยมีทีมอันดับสุดท้ายของตารางเมื่อถึงวันคริสต์มาสทีมใด สามารถอยู่รอดปลอดภัยในฤดูกาลนั้นได้เลย
จนกระทั่ง เวสต์บรอมวิช คือทีมแรกที่ปลดล็อก ตามด้วย ซันเดอร์แลนด์ ในอีก 9 ปีต่อมา และ เลสเตอร์ หลังจากนั้น ที่สร้างปาฏิหารย์ให้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกด้วย
เวสต์บรอมวิช (2004-05)
เดอะ แบ็กกี้ส์ เริ่มต้นฤดูกาลกับผู้จัดการทีม แกรี่ เม็กสัน แต่หลังจากผลงานไม่ดี จนถูกปลดในช่วงปลายเดือนตุลาคม ไบรอัน ร็อบสัน ก็ถูกเลือกทำหน้าที่แทนในอีกสองสัปดาห์ต่อมา แต่สถานการณ์ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น และ เวสต์บรอม คือทีมบ๊วยเมื่อเข้าสู่ช่วงคริสต์มาส
หลังจากนั้น ความหวังเริ่มปรากฏขึ้นลางๆ เมื่อทีมคู่แข่งต่างนัดกันผลงานย่ำแย่ จนถึงเกมสุดท้าย เวสต์บรอม เอาชนะ พอร์ทสมัธ ที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ 2-0 จากประตูของ เจฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ กับ คีแรน ริชาร์ดสัน เป็นชัยชนะเกมที่ 6 เท่านั้น จาก 38 เกม
แต่ 34 คะแนนกลับเพียงพอทำให้ เดอะ แบ็กกี้ส์ ของ 'ร็อบโบ้' จบอันดับ 17 ของตารางหน้าตาเฉย
หัวตารางไม่มีความน่าสนใจเหลือถึงช่วงท้ายแล้ว เพราะซีซั่นแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ จบลงด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบสบายๆ หายห่วง
แต่ท้ายตารางนี่สิ! เป็นการขับเคี่ยวหนีตายกันถึง 4 ทีม และมีเพียงหนึ่งเดียวที่รอดคือ เวสต์บรอม จบที่ 34 คะแนน ที่เหลือ คริสตัล พาเลซ กับ นอริช 33 คะแนน และ เซาธ์แฮมป์ตัน 32 คะแนน
ซันเดอร์แลนด์ (2013-14)
6 ปีที่แล้ว ซันเดอร์แลนด์ ตัดสินใจเลือก เปาโล ดิ คานิโอ เป็นกุนซือคนใหม่ และลงทุนเสริมทัพมากถึง 14 รายในช่วงซัมเมอร์ หนึ่งในนั้นคือ โจซี่ อัลทิดอร์ 9 ล้านปอนด์ แต่ก็เสียสองนักเตะที่ดีที่สุด ซิมง มินโญเลต์ ไป ลิเวอร์พูล และ สเตฟาน แซสเซยง ไป เวสต์บรอม
แต่หลังจาก 5 เกมผ่านไป ซันเดอร์แลนด์ เก็บได้เพียงคะแนนเดียว มองไม่เห็นสัญญาณที่ดีจากทีมชุดนี้ บอร์ดบริหาร แมวดำ จึงตัดสินใจปลด ดิ คานิโอ อย่างรวดเร็ว
เควิน บอลล์ นั่งเก้าอี้แทนเพียงสองสัปดาห์เศษๆ ซันเดอร์แลนด์ ก็ได้นายใหม่ กุสตาโว่ โปเยต์ ที่เข้ามาคุมทีมเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม
แต่การฉุด แมวดำ พ้นขีนอันตรายแบบทันทีทันใดไม่ใช่งานง่าย และเมื่อถึงช่วงคริสต์มาส ทีมของ โปเยต์ ยังคงจมบ๊วยของตารางต่อไป
สถานการณ์ยังดูไม่มีอนาคตเลย เพราะระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม แมวดำ แพ้ 7 จาก 8 เกม ยังคงเป็นทีมอันดับสุดท้ายของตาราง แต่เรื่องดีเพียงอย่างเดียวก็คือ ทีมอื่นในโซนท้าย ก็ยังไม่ทิ้งกันไปไหน
จนกระทั่งเกมที่ 33-37 เริ่มจากการบุกเสมอ แมนฯ ซิตี้ ทีมลุ้นแชมป์ที่ เอติฮัด 2-2 ต่อด้วยบุกชนะ เชลซี 2-1, เปิดบ้านถล่ม คาร์ดิฟฟ์ 4-0, บุกชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 และเปิดบ้านอัด เวสต์บรอม 2-0 นั่นทำให้ โปเยต์ ได้ฉลองอยู่รอดแบบไม่น่าเชื่อตั้งแต่เกมรองสุดท้ายของฤดูกาล
และแม้จะปิดฉากด้วยความพ่ายแพ้คาบ้านต่อ สวอนซี 1-3 แต่ แมวดำ ของ โปเยต์ จบสูงถึงอันดับ 14
เลสเตอร์ (2014-15)
นี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างปาฏิหารย์ให้เกิดขึ้นที่ คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม
หลังจากคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพ พร้อมเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04 เลสเตอร์ ภายใต้การคุมทีมของ ไนเจล เพียร์สัน สร้างชื่อในเกมที่ 5 ของฤดูกาลที่เปิดบ้านอัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างสวยหรู 5-3
แต่หลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้นกับ จิ้งจอกสีน้ำเงิน ที่ไม่ชนะเกมลีกเลย 13 เกมติดต่อกัน เก็บได้เพียง 2 คะแนนเท่านั้น จากอันดับ 7 จึงค่อยๆ ไหลรูดลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นทีมบ๊วยตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน และจมปลักอยู่ที่นี่อย่างยาวนานจนถึงเกมที่ 31 ช่วงกลางเดือนเมษายน
เพียร์สัน พาทีมเก็บชัยชนะ 4 จาก 5 เกมในเดือนเม.ย. เพราะโปรแกรมที่เป็นใจ เจอกับ เวสต์แฮม, เวสต์บรอม, สวอนซี และ เบิร์นลี่ย์ ส่วนเกมเดียวที่แพ้ คือการแพ้จ่าฝูง เชลซี ที่ขยับเข้าใกล้การการันตีแชมป์เต็มที
ในเดือนสุดท้ายของฤดูกาล เลสเตอร์ ก็ยังชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-0, เซาธ์แฮมป์ตัน 2-0 ก่อนที่ผลเสมอที่บ้าน ซันเดอร์แลนด์ จะการันตีการอยู่รอดของ จิ้งจอกสีน้ำเงิน และชัยชนะส่งท้ายเหนือ ควีนส์ปาร์ค 5-1 ก็ทำให้ เพียร์สัน พาทีมจบอันดับ 14 อย่างยิ่งใหญ่
หลังจากรอดตายราวปาฏิหารย์ เลสเตอร์ เลือก เคลาดิโอ รานิเอรี่ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ และปาฏิหารย์คูณสองก็เกิดขึ้น เมื่อ จิ้งจอกสีน้ำเงิน โค่นบรรดา 6 ทีมใหญ่ ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งประวัติศาสตร์ของทั้งสโมสรและฟุตบอลอังกฤษ
ตัดฉากกลับมาที่ฤดูกาลนี้ ทีมบ๊วยของตารางเมื่อถึงวันคริสต์มาสเป็นของ วัตฟอร์ด ที่มี 12 คะแนนจาก 18 เกม ตามห่างพื้นที่สีขาวอยู่ 6 คะแนน
และบังเอิญว่า เดอะ ฮอร์เน็ตส์ ทีมนี้ เพิ่งแต่งตั้งกุนซือที่ชื่อ ไนเจล เพียร์สัน ซึ่งพาทีมคว้าชัยชนะสวยหรูเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 ในเกมที่สองที่คุมทีม
หรือหนังม้วนเดิมที่ คิง พาวเวอร์ จะกลับมาฉายใหม่ที่ วิคาเรจ โร้ด ซีซั่นนี้

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด