ประเด็นมาจากควันหลงทีมชาติสัปดาห์ก่อน เมื่อทุกคนได้เห็นผลงานของ รูเบน ลอฟตีส-ชีค ในเกมที่ อังกฤษ เสมอ เยอรมนี 0-0 ที่สนาม เวมบลีย์
จึงมีคำถามย้อนหลังว่า "ทำไม เชลซี ยังไม่ให้โอกาส 'อาร์แอลซี' ในฤดูกาลนี้" เพราะพวกเขาน่าจะเห็นพัฒนาการได้ดีที่สุด อย่างตอนซ้อมในแต่ละวัน
เลยทำให้นึกย้อนกลับไปหลายปีก่อน เมื่อครั้ง สิงโตน้ำเงิน ไปดึงดาวรุ่งอนาคตไกลที่ชื่อยังไม่เตะหูสักเท่าไหร่ อย่าง โรเมลู ลูกากู, เควิน เดอ บรอยน์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ถ้าใครหลงๆ ลืมๆ ไปบ้าง ขอเท้าความให้ฟัง
ปี 2011 ลูกากู ถูกดึงเข้ามา สแตมฟอร์ด บริดจ์ ตั้งแต่อายุ 18 หลังระเบิดฟอร์มกับ อันเดอร์เลชท์ ตั้งแต่อายุ 16 ค่าตัวไม่ถูกไม่แพง 10 ล้านปอนด์ ที่จะเพิ่มเป็น 17 ล้านปอนด์ ตามเงื่อนไขต่างๆ แต่ซีซั่นแรกไม่เคยง่าย เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับทีมสำรอง และจบฤดูกาลนั้น เขาเลือกที่จะไม่ชูโทรฟี่ แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วมเลย
ซีซั่นถัดมา ลูกากู จึงถูกปล่อยให้ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ยืมใช้งาน และจบฤดูกาลอันร้อนแรงด้วย 17 ประตูในพรีเมียร์ลีก
ความหวังของ ลูกากู และทุกคนที่ เชลซี เริ่มสดใสมากขึ้น เมื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ กลับมาคุมทีมรอบสองในปี 2013 แต่หลังจากยิงจุดโทษพลาดในเกมปรีซีซั่นเพียงไม่กี่วัน ศูนย์หน้าเบลเยียม ก็ถูกปล่อยยืมไป เอฟเวอร์ตัน ทั้งฤดูกาล
ก่อนจะไประเบิดฟอร์มเก่งที่ กูดิสัน พาร์ค และ ทอฟฟี่ ก็ขอซื้อขาด 28 ล้านปอนด์ หลังจากนั้นก็ฟันกำไรกันเป็นทอดๆ เมื่อถูกขายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 75 ล้านปอนด์ (บวกเงื่อนไข 15 ล้านปอนด์) เมื่อช่วงซัมเมอร์
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์โนเนมที่สะกดชื่อยาก (จริงๆ อ่าน เดอ-บรอย-เน่อ) ได้รับการจับตามองจากแมวมองตาเพชร ก่อนดึงจาก เกงค์ ทีมในลีกเบลเยียม เช่นกัน มาร่วมถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อเดือนมกราคมปี 2012 โดยทำเงื่อนไขให้ เกงค์ ยืมใช้งานต่อจนจบซีซั่น
สถานการณ์แทบไม่ต่างอะไรกับ ลูกากู เลย เพราะมิดฟิลด์ผมทองทำได้แค่โชว์ฝีเท้าเพียงไม่กี่นาทีในช่วงปรีซีซั่น สุดท้ายก็ปล่อยยืมไป แวร์เดอร์ เบรเมน ในบุนเดสลีกา และจบซีซั่นอย่างยอดเยี่ยม 10 ประตูจาก 33 นัด
ซีซั่นถัดมา เดอ บรอยน์ หวังทำผลงานเตะตา มูรินโญ่ ให้ได้เช่นกัน และแม้ทำแอสซิสต์แรกตั้งแต่เกมประเดิมพรีเมียร์ลีก แต่กุนซือชาวโปรตุกีสแทบไม่ให้โอกาสหลังจากนั้น สุดท้ายจึงขายขาดไป โวล์ฟสบวร์ก 18 ล้านปอนด์ เดือนมกราคม ปี 2014 ก่อนกลับคืนพรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างยิ่งใหญ่ 55 ล้านปอนด์
อีกคนคือ ซาลาห์ จรวดจากอียิปต์ ถูกดึงมาจาก บาเซิ่ล เดือนมกราคม ปี 2014 ด้วยค่าตัวเพียง 11 ล้านปอนด์ สวนทางกับ เดอ บรอยน์ ที่เพิ่งย้ายออกไปได้ 5 วัน และจบครึ่งฤดูกาลแรกอย่างน่าพอใจ 2 ประตูและเรียก 1 จุดโทษ จาก 10 นัดที่เป็นสำรองส่วนใหญ่
ฤดูกาลถัดมา ซาลาห์ อยู่ได้แค่ครึ่งเดียวก็ถูกปล่อยตัวไป ฟิออเรนตินา ด้วยสัญญา 18 เดือน หรือไปจบเอาตอนสิ้นสุดซีซั่น 2015-16 แต่เจ้าตัวกลับเบี้ยวร่วมทัพ วิโอล่า ในซีซั่นที่สอง ก่อนไปลงเอยกับ โรม่า ที่ยืมตัว 1 ซีซั่นพร้อมออปชั่นซื้อขาด ค่าตัวใกล้เคียงกับตอนที่ เชลซี ซื้อมา และสุดท้าย ซาลาห์ ก็คืนพรีเมียร์ลีกเช่นกันกับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 43 ล้านปอนด์เศษ ยังไม่รวมเงื่อนไขต่างๆ
นี่คือสามเคสใหญ่ๆ ที่ เชลซี เคยปล่อยหลุดมือมาแล้ว และการซื้อ ลูกากู, เดอ บรอยน์, ซาลาห์ ก็มาจากคำแนะนำของ ไมเคิ่ล เอเมนาโล่ อดีตผู้อำนวยการเทคนิคของสโมสรที่เพิ่งอำลาทีม
หลายครั้งก็ยากจะหาคำตอบว่า ทำไมนักเตะคนนั้นถึงล้มเหลวกับทีมนี้ นักเตะคนนี้ถึงล้มเหลวกับทีมนั้น แต่หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ เชลซี ยังให้โอกาสในทีมชุดใหญ่กับทั้ง ลูกากู, เดอ บรอยน์, ซาลาห์ ไม่มากพอ และรีบปล่อยยืมทันทีที่ได้รับข้อเสนอ
กลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน ลอฟตัส-ชีค กลายเป็นเพชรเม็ดงามทันทีที่โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกในเกมอุ่นเครื่องของ สิงโตคำราม ที่เสมอ เยอรมนี 0-0 ทั้งที่นี่เพิ่งเป็นเกมเดบิวท์ในทีมชาติชุดใหญ่
อดีตโค้ชและอดีตนักเตะที่เคยอยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต่างเรียกร้องให้ เชลซี มอบโอกาสให้ 'อาร์แอลซี' ในฤดูกาลหน้า หลังจากหมดสัญญายืมตัวกับ คริสตัล พาเลซ
เมื่อเทียบกับการที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ไปทุ่มซื้อ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ มาจาก โมนาโก 40 ล้านปอนด์ และ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ จาก เลสเตอร์ 35 ล้านปอนด์ แล้ว เผลอๆ ฝีเท้า 'อาร์แอลซี' อาจจะเหนือกว่าด้วย หากได้รับโอกาสแบบจริงๆ จังๆ ไม่ใช่แค่ไม้ประดับ ปล่อยลงเล่นในถ้วยลีกคัพ หรือเอฟเอคัพ ยามเจอกับทีมต่ำชั้นกว่า
จริงๆ แล้ว ยังมีนักเตะอีกเยอะมากที่ถูกซื้อเข้า ปล่อยยืม และขายออก บางคนอาจแทบไม่เคยผ่านหูเลยด้วยซ้ำ อย่างซีซั่นนี้ลองไล่รายชื่อนักเตะที่ปล่อยยืมดู (เลือกมาแค่นักเตะที่พร้อมเล่นทีมชุดใหญ่)
รูเบน ลอฟตัส-ชีค, แทมมี่ อบราฮัม, คูร์ต ซูม่า, เฌเรมี่ โบก้า, มาริโอ พาซาลิช, ลูกัส ปิอาซอน, มาร์โก ฟาน กิงเคล, โทมาส คาลาส, โอล่า ไอน่า, ลูอิส เบเกอร์, อิซซี่ บราวน์, เคนเน็ธ โอเมรูโอ, ไมเคิ่ล เฮคเตอร์, จามาล แบล็คแมน, ดานิโล่ พานทิช, แม็ตต์ เมียซก้า, นาธาน, ฟิคาโย่ โทโมรี่, เคซี่ย์ พาลเมอร์, ทอดด์ เคน, โฮซิมาร์ กินเตโร่, ชาร์ลี โคลเก็ตต์
ยังไม่นับรวมรายชื่อดาวรุ่งจากทีมเยาวชนอีกหลายคนที่ปล่อยยืม
ถึงเวลานี้ มีโอกาสสูงที่ ลอฟตัส-ชีค จะติดทีมชาติอังกฤษของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ไปลุย ฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย และพอจบช่วงเวลานั้น หวังว่า 'อาร์แอลซี' จะกลับมาลุย ปรีซีซั่น กับ เชลซี และเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลหน้า