ฟุตบอลลีกยุโรปเดินทางเข้าสู่ช่วงโปรแกรมที่แน่นเอี้ยด ตรงกันข้ามกับเกมระดับนานาชาติที่หยุดพักไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และจะกลับมาเตะอีกทีมีนาคมโน่น
บรรดาเทรนเนอร์ของทุกชาติที่กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับศึกยูโร 2020 นอกจากจับตามองนักเตะหน้าใหม่หรือนักเตะที่อยู่ในข่ายถูกเรียกตัวมาติดทีมแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องลุ้นอาการบาดเจ็บของตัวหลัก
ตลอดช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้รับข่าวร้ายที่สุดคืออาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังหัวเข่าของ แฮร์รี่ เคน ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของทัพ สิงโตคำราม ที่มีปัญหามาจากเกมวันปีใหม่
สเปอร์ส ตัดสินใจส่งตัว เคน เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจะทำให้ต้องพักยาว เร็วสุดที่สามารถกลับมาได้คือเดือนเมษายน พูดง่ายๆ เกือบปิดฉากซีซั่นนี้อยู่แล้ว
เมื่อถึงตอนนั้น เซาธ์เกต จะเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนเศษๆ หรือโชคดีหน่อยอาจได้ถึงสองเดือน เพื่อประเมินสภาพความฟิตของ เคน ว่าจะสมบูรณ์แค่ไหนเมื่อถึงเดือนมิถุนายน
เดิมที เซาธ์เกต วางแผนสองคือการขยับ มาร์คัส แรชฟอร์ด มายืนศูนย์หน้าตัวเป้าแทน ซึ่งอาจได้ทดลองแท็กติกดังกล่าวในเกมอุ่นเครื่องสองนัดเจอกับ อิตาลี และ เดนมาร์ก ในช่วงปลายเดือนมีนาคม
แต่ปรากฏว่า แรชฟอร์ด ดันประสบปัญหากระดูกที่แผ่นหลังร้าว ระหว่างเกมเอฟเอคัพเมื่อกลางเดือนมกราคม เบื้องต้นประเมินว่าจะต้องพักฟื้นราวๆ สองเดือน นั่นก็หมายความว่าอาจกลับมาได้ในเดือนเมษายนเช่นเดียวกัน และน่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า เคน
การขาดหายไปของ เคน กับ แรชฟอร์ด ในอีกสองเดือนข้างหน้า ทำให้เกมอุ่นเครื่องสองนัดกับ อิตาลี และ เดนมาร์ก ที่สนามเวมบลีย์ วันที่ 27 และ 31 มีนาคม เซาธ์เกต จะต้องหาทางออกในการจัดทัพแดนหน้า
นับเฉพาะตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า หากตัด เคน กับ แรชฟอร์ด ออกไปแล้ว ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา เซาธ์เกต มีเพียง คัลลัม วิลสัน กับ แทมมี่ อาบราฮัม เพียงสองรายที่เรียกตัวเข้ามาอยู่ในทีม
นอกนั้นเป็นบรรดาตัวรุกริมเส้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง, เจดอน ซานโช่, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, เนธาน เร้ดมอนด์
นี่คือปัญหาที่ เซาธ์เกต ยังคงส่ายหัวมาจนถึงวันนี้ กับการขาดแคลนตัวเลือกศูนย์หน้าตัวเป้า
หากจะลองควานหาดูทางเลือกต่างๆ มีใครบ้างที่อยู่ในข่ายจะเรียกตัวมาแก้ปัญหาได้?
คัลลัม วิลสัน???
หากมองถึงโอกาส คัลลัม วิลสัน มีมากกว่าตัวเลือกอื่นๆ เพราะเป็นศูนย์หน้าแบ็กอัพที่ เซาธ์เกต เรียกตัวมานั่งสำรอง เคน กับ แรชฟอร์ด ตั้งแต่ปลายปี 2018 แล้ว ดังนั้นจึงได้เปรียบเรื่องการซึมซับแท็กติก
แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากของศูนย์หน้าวัย 27 ปี คือผลงานการยิงประตูกับ บอร์นมัธ จากที่กระหน่ำ 14 ประตูจาก 30 เกมพรีเมียร์ลีกซีซั่นก่อน มาถึงซีซั่นนี้เพิ่งมีเพียง 5 ประตูเท่านั้นจาก 16 เกม
การมีชื่ออยู่ในทีมของ เซาธ์เกต เดือนมีนาคม อาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากต้องจับลงตัวจริงในเกมกับ อิตาลี หรือ เดนมาร์ก ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะได้คำตอบที่ต้องการหรือเปล่า?
แทมมี่ อาบราฮัม???
ดาวรุ่งพุ่งแรงจากรั้วอาเคเดมี่ของ เชลซี สอยตาข่ายเป็นว่าเล่น จนนำดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกมาแล้ว แต่เล่นไปเล่นมา ฟอร์มเริ่มค่อยๆ แผ่วลงตามวิถีทางของเด็กหนุ่ม แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังมี 13 ประตูจาก 23 เกมพรีเมียร์ลีก
เวลานี้ กองหน้าวัย 22 ปี ประสบปัญหาบาดเจ็บเช่นกัน แต่ไม่รุนแรงหรือพักยาวเท่ากับ เคน และ แรชฟอร์ด จึงมีอโอกาสไม่น้อยทีเดียวที่จะได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะตัวจริงเกมอุ่นเครื่องอีกสองเดือนข้างหน้า
มองดูแล้ว แทมมี่ อาบราฮัม คือตัวเลือกที่มีโอกาสมากที่สุดที่ เซาธ์เกต จะหวังพึ่งพาในนาทีนี้ หลังจากได้ลงสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 4 เกม มีหนึ่งประตูให้เห็นในเกมถล่ม มอนเตเนโกร 7-0
แดนนี่ อิงส์???
อดีตกองหน้า ลิเวอร์พูล เสนอหน้าและชูมือสลอน เพื่อให้ เซาธ์เกต เหลียวหลังหันมามอง หลังจากมีฤดูกาลที่ดีกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ยิงไปแล้ว 14 ประตูในพรีเมียร์ลีก
14 ประตูทำให้ แดนนี่ อิงส์ กลายเป็นศูนย์หน้าชาวอังกฤษที่ซัลโวไปมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก เป็นอันดับสองรองจาก เจมี่ วาร์ดี้ ผู้นำดาวซัลโวเพียงคนเดียว
นาทีนี้ แฟนบอลลบภาพ อิงส์ ที่ดูอืดอาดยืดยาดในชุด ลิเวอร์พูล ไปหมดแล้ว เหลือเพียงภาพในชุด เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ดูปราดเปรียว มีความเร็ว และความเฉียบคมก็อยู่ในเปอร์เซนต์ที่ดี
งานนี้ต้องถามใจ เซาธ์เกต แต่เพียงผู้เดียว เพราะในอดีตเคยเป็นคนเรียกตัวติดทีมชาติชุดยู-21 มาแล้ว แต่ยังไม่เคยเรียกติดชุดใหญ่มาก่อน โดยครั้งเดียวของ อิงส์ กับชุดใหญ่ อยู่ในยุคของ รอย ฮ็อดจ์สัน ปี 2015
เจมี่ วาร์ดี้???
ศูนย์หน้าความเร็วสูงในวัย 33 ปี ฝีเท้าและความจัดจ้านยังไม่มีตก หลังจากซัลโวให้ เลสเตอร์ ไปแล้ว 17 ประตู นำดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกอยู่ในเวลานี้
แต่น่าเสียดายที่ เจมี่ วาร์ดี้ บอกลาทีมชาติอังกฤษไปแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2018 เพราะปัญหาหลักคืออายุที่มากขึ้น และอาการบาดเจ็บที่มาเป็นของคู่กัน
ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ สิงโตคำราม ไม่ให้โอกาส วาร์ดี้ ลงสนามมากนักในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาในปี 2016 ปีเดียวกับที่พา เลสเตอร์ ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก
ดังนั้น การกลับมาสู่ทีมชาติอังกฤษ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ เซาธ์เกต ในโปรแกรมเดือนมีนาคม หรืออาจจะรวมถึงศึกยูโร 2020 จึงแทบจะเป็นศูนย์