ตลอดช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม เราได้เห็นชื่อ จู๊ด เบลลิงแฮม โผล่ขึ้นมาเป็นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งหลายครั้ง เพราะทีมที่สนใจคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ไม่แปลกที่ทีมยักษ์ใหญ่จะให้ความสนใจนักเตะจากลีกแชมเปี้ยนชิพที่ปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกันมากขึ้น
แต่ที่น่าแปลกคือค่าตัวมหาศาล 30 ล้านปอนด์สำหรับนักเตะที่เพิ่งขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ฤดูกาลแรก และเพิ่งได้โชว์ฝีเท้าไปเพียงครึ่งซีซั่นเท่านั้น
เด็กอายุ 16 ปี กับอีก 7 เดือน ซึ่งถ้าเทียบกับบ้านเรา ก็ยังเรียนอยู่ม.ปลาย สร้างสถิติกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ เบอร์มิงแฮม ตอนอายุ 16 ปีกับ 38 วัน ทำลายสถิติของตำนานสโมสร เทรเวอร์ ฟรานซิส 101 วัน
อีกทั้งยังบวกอีกหนึ่งสถิติ เป็นนักเตะอายุน้อยสุดของสโมสรที่ยิงประตูได้ในอีก 25 วันต่อมา
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงในฤดูกาลแรก ทำให้ เบลลิงแฮม คว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของแชมเปี้ยนชิพ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2019
แต่ผลงานเกือบๆ 6 เดือน เพียงพอที่จะทำให้ค่าตัวของ เบลลิงแฮม พุ่งขึ้นถึง 30 ล้านปอนด์เชียวเหรอ?
คำตอบคือ 'ไม่'
บรรดาแมวมองของหลายสโมสรยักษ์ใหญ่จับตามองผลงานของ เบลลิงแฮม อยู่ก่อนแล้ว ตั้งแต่ประเดิมสนามกับทีมชุดยู-23 ของ เบอร์มิงแฮม ตั้งแต่อายุ 15
หลังจากรับใช้ทีมแบบก้าวกระโดดได้ราวๆ 5 เดือน เบลลิงแฮม ยิง 3 ประตูจาก 10 เกมในฐานะกองกลาง
และในช่วงเวลาเดียวกัน เบลลิงแฮม ก็ซัลโว 4 ประตูจาก 7 เกมกับทีมชาติอังกฤษ ชุดยู-16 ต่อด้วย 2 ประตูจาก 3 เกมกับทีมชุดยู-17
ชื่อของ เบลลิงแฮม โผล่ไปอยู่ในลิสต์ 50 นักเตะวัยรุ่นที่น่าจับตามองของวงการฟุตบอลอังกฤษของนิตยสาร โฟร์โฟร์ทู ทั้งที่ตอนนั้น เจ้าหนุ่มรายนี้ยังไม่ได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่เลย
เบลลิงแฮม ตอนยังเล่นอยู่กับทีมยู-23
นี่คือผลงานคร่าวๆ ที่สร้างชื่อให้ เบลลิงแฮม ซึ่งแฟนบอลส่วนใหญ่ไม่รู้ แต่แมวมองทีมต่างๆ เฝ้ามองอยู่แบบตาไม่กระพริบ
ว่าแต่ เจ้า เบลลิงแฮม หมอนี่เล่นตำแหน่งอะไรกันแน่? เพราะนับตั้งแต่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เบอร์มิงแฮม สื่อสำนักต่างๆ ยังลงตำแหน่งของนักเตะไม่ตรงกัน
เบอร์มิงแฮม เมล สื่อท้องถิ่นประจำเมืองเบอร์มิงแฮม อ้างคำพูดของนักเตะว่า
"ในแต่ละบทบาทของผม ผมทำได้ดีทั้งหมด เมื่อผมเล่น (กองกลาง) ตัวต่ำ ผมแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ เมื่อผมเล่นด้านข้าง (ตัวริมเส้น) ผมแสดงให้เห็นถึงการสร้างสรรค์เกม และการเลี้ยงบอลมากขึ้น"
"เมื่อผมเล่นตำแหน่ง (กองกลาง) หมายเลข 8 ผมแสดงให้เห็นว่าผมสามารถเล่นบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ (จากกรอบโทษถึงอีกกรอบโทษ) ได้ และในฐานะเบอร์ 10 ตัวสร้างสรรค์เกม นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผม"
ดังนั้น สรุปได้ว่า เบลลิงแฮม เล่นได้หมดตั้งแต่กองกลางตัวรับ, ตัวริมเส้น, เพลย์เมคเกอร์ หรือทุกตำแหน่งในแดนกลาง
แล้วเพียงพอหรือยัง สำหรับค่าตัว 30 ล้านปอนด์?
ประเด็นนี้คงไม่มีใครตอบได้ เพราะถือเป็นการซื้ออนาคตสำหรับทีมที่กล้าลงทุนด้วย
จากอดีต นักเตะที่เคยก้าวจากแชมเปี้ยนชิพขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สบายๆ ก็มีอยู่หลายคน อาทิ เจมส์ แมดดิสัน, โจ โกเมซ, อารอน เครสเวลล์, จามาล ลาสเซลล์ส, เดวิด บรู๊คส์ และ แดเนียล เจมส์ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ก็มีหลายคนที่สอบตก แต่อย่างน้อยค่าตัวก็ไม่ได้สูงมากนัก
และไม่ว่าจะได้ย้ายทีมในช่วงเดือนมกราคมนี้หรือไม่ เบลลิงแฮม จะได้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นหลายเท่าแน่นอน จากปัจจุบันที่รับอยู่เพียง 145 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือราวๆ 5 พันกว่าบาท ซึ่งเป็นเรทของนักเตะทีมเยาวชน
หลังจากอายุครบ 17 ปีในเดือนมิถุนายน เบลลิงแฮม จะได้เซ็นสัญญานักเตะอาชีพฉบับแรกกับ เบอร์มิงแฮม และค่าเหนื่อยก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
แต่หากย้ายก้าวกระโดดไปสู่ทีมใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, บาเยิร์น มิวนิค หรือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ให้ความสนใจอยู่ ค่าจ้างก็จะกระฉูดขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจย้ายไปสู่ทีมใหญ่ก่อนเวลาอันควร อาจกลายเป็นดาบสองคมที่กลับมาเฉือนเนื้อตัวเอง หากดาวรุ่งพุ่งแรงคนนั้นไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนัก หรืออาจจะไม่ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เลย
ดังนั้นการอยู่กับ เบอร์มิงแฮม ต่อไป อาจเป็นการพัฒนาฝีเท้าที่ดีที่สุดสำหรับ จู๊ด เบลลิงแฮม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีสมาธิและความอดทนมากพอ และต้องไม่หวั่นไหวไปกับข่าวลือต่างๆ โดยเฉพาะจากทีมใหญ่