แฟนบอลคงสงสัย ทำไมตลาดซื้อขายนักเตะเปิดทำการกันเป็นเดือนๆ แต่กลับต้องมาเร่งมือเจรจากันในวันสุดท้าย ชั่วโมงสุดท้าย นาทีสุดท้าย หรือวินาทีสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ
หลายครั้งที่ตลาดซื้อขายไม่ว่าจะเป็น 'ซัมเมอร์' หรือ 'วินเทอร์' อาจจะดูเงียบๆ มาโดยตลอด แต่พอเข้าสู่วันสุดท้ายเท่านั้นแหละ ข่าวการย้ายทีมจากสโมสรต่างๆ ไหลมาเทมาแบบที่บริโภคข้อมูลกันแทบไม่ทัน
แน่นอน เมื่อมีความเร่งรีบ มีความสับสน มีความวุ่นวายเกิดขึ้นกับการทำงานที่แข่งกับเวลา ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์แปลกๆ หรือประเด็นที่เรียกความสนใจ จนกลายเป็น 'ตำนาน' แห่ง 'เดดไลน์เดย์' ที่ถูกจารึกเป็นส่วนหนึ่งของลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
และนี่คือหนึ่งในเรื่องราว 'คลาสสิก' ที่ต่อให้กี่ปีผ่านไป ก็ไม่มีแฟนบอลคนไหนลืมเลือน
'ดับเบิ้ล'ล้มเหลว
วันสุดท้ายของตลาดวินเทอร์ซีซั่น 2010-11 เกิดเหตุการณ์ช็อกวงการฟุตบอลอังกฤษขึ้น เมื่อ เชลซี ยื่นข้อเสนอมหาศาล 50 ล้านปอนด์ให้ ลิเวอร์พูล พิจารณาเป็นค่าตัวของ เฟร์นานโด ตอร์เรส
ต่อให้ตอนนั้น ตอร์เรส คือขวัญใจที่แฟนๆ หงส์แดง รักยิ่ง แต่ ลิเวอร์พูล ถือคติ 'รักแท้ กินไม่ได้' จึงไม่รีรอที่จะตอบรับข้อเสนอครึ่งร้อยล้านปอนด์จากทาง เชลซี ขณะเดียวกันก็ดึงเงินออกมาเยอะพอสมควร 35 ล้านปอนด์ ซื้อ แอนดี้ แคร์โรลล์ มาจาก นิวคาสเซิ่ล
บทสรุปในครั้งนี้ก็คือ ล้มเหลวไม่เป็นท่า และน่าผิดหวังทั้ง ตอร์เรส และ แคร์โรลล์
แต่ตอนนั้นทีมอย่าง เชลซี พิมพ์แบงค์ใช้เอง จึงขนหน้าแข้งไม่ร่วงกับเงินเพียงแค่นี้
งานนี้เรียกได้ว่า พังครืน กันแทบทุกฝ่าย มีเพียง นิวคาสเซิ่ล ทีมเดียวที่นอนตีพุงอยู่กับบ้าน
ขาดสติ ก่อนสตาร์ต
"คนหมดใจ เหนี่ยวรั้งยังไง ก็ฉุดไม่อยู่" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ กองหน้าไนจีเรีย เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2013
หลังจากผ่านสองฤดูกาลครึ่งในถิ่น เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ โอเด็มวิงกี้ หมดใจเล่นกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ไปเรียบร้อย จึงยื่นเรื่องขอย้ายทีมในช่วงตลาดวินเทอร์ แต่ถูกต้นสังกัดปฏิเสธ
ทันทีที่ทราบว่ามีความสนใจ และข้อเสนอยื่นมาจาก ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ศูนย์หน้าความเร็วสูง จึงลืม 'ตั้งสติ ก่อนสตาร์ต' รีบบึ่งรถออกจากมิดแลนด์มุ่งหน้าลอนดอนตะวันตก ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสนาม ลอฟตัส โร้ด
แต่เมื่อไปถึง โอเด็มวิงกี้ ก็ต้องหน้าแหก เมื่อทางสโมสร คิวพีอาร์ ปฏิเสธที่จะให้นักเตะเข้าไปภายใน เพราะเพิ่งถูก เวสต์บรอม บอกปัดข้อเสนอมาหมาดๆ
นาทีนั้น ศูนย์หน้าไนจีเรีย จึงทำได้เพียงนั่งรอในรถด้วยความอดทน หวังว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่สุดท้าย 'ปาฏิหารย์' ไม่มีจริง
โอเด็มวิงกี้ ต้องบากหน้ากลับ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหู แม้แต่ประธานสโมสร เดอะ แบ็กกี้ส์ ก็ตำหนิว่า "ไม่มีความเป็นมืออาชีพ" และมีการดำเนินการลงโทษทางวินัย
แม้หลังจากนั้น โอเด็มวิงกี้ ยอมสงบศึก แต่ก็หนีไม่พ้นเสียงโห่จากแฟนบอลทีมตัวเอง ซึ่งต่อมาในช่วงซัมเมอร์ การย้ายทีมก็เกิดขึ้นสมใจ แต่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะย้ายไปดับสนิทกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
ซื้อทีมเสร็จ ซื้อนักเตะต่อ
ในช่วงเวลาที่แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังตั้งข้อสงสัยถึงการเข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรของกลุ่มทุนจาก อาบูดาบี เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2008 หลังจากจัดการข้อตกลงในการซื้อกิจการสโมสรเรียบร้อย
ทีมบอร์ดบริหารชุดใหม่ก็ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น จัดการคว้าตัว โรบินโญ่ แบบมีสะดุ้งเล็กน้อย ด้วยค่าตัว 32.5 ล้านปอนด์ เป็นการซื้อใจแฟนๆ ตั้งแต่ตอนทำความรู้จักกันครั้งแรก
และการทำลายสถิติค่าตัวแพงสุดของสโมสรในครั้งนั้น กลายเป็นจุดเริ่มต้นการเป็นมหาอำนาจทางด้านการเงินของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เกือบโดน'ไฮแจ็ค'
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เดินมาถึงทางตันในช่วงวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ 2008 เมื่อศูนย์หน้าคนสำคัญ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ แสดงเจตจำนงค์ชัดเจน ต้องการย้ายทีมเพื่ออนาคตและความสำเร็จ
เบอร์บาตอฟ เริ่มต้นในวันเดดไลน์ด้วยการเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาโดยตลอด แต่ไปๆ มาๆ กลับมีข้อเสนอที่น่าสนใจจน สเปอร์ส ไม่อาจปฏิเสธได้ และทีมที่ยื่นเข้ามาคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่พร้อมจ่ายทุบสถิติย้ายทีมแพงที่สุดในเกาะอังกฤษ
แม้สถานการณ์ของ ยูไนเต็ด เริ่มเป็นรองชัดเจน แต่สิ่งที่พลิกทำให้ ปีศาจแดง กลับมาได้เปรียบ ก็คือการตัดสินใจของ เบอร์บาตอฟ ที่ยืนยันหัวใจของเขาอยู่ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไปแล้ว แม้ สเปอร์ส จะตอบรับข้อเสนอจาก แมนฯ ซิตี้ แต่การ 'ไฮแจ็ค' ก็ไม่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นในช่วงเย็น สเปอร์ส ก็ตอบรับข้อเสนอจาก แมนฯ ยูไนเต็ด เสียที ที่ยื่นเงิน 30 ล้านปอนด์ พร้อมแนบ เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ ไปให้ยืมใช้งานด้วย
ใครผิดถูก รู้กันแค่สองฝ่าย
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2015-16 ดาบิด เด เคอา กำลังจะอำลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเฝ้าเสาให้กับ เรอัล มาดริด หลังจากตกลงค่าตัว 29 ล้านปอนด์กันได้ แถมยังส่ง เกย์เลอร์ นาวาส ย้ายสลับทีมกันด้วย
แต่หลังจากตลาดซื้อขายปิดทำการไปเรียบร้อย การย้ายทีมมีอันล้มเหลว เพราะติดปัญหาในเรื่องเอกสารการย้ายทีมที่ไม่เป็นไปตามกรอบเวลา
มีการเปิดเผยข้อมูลว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ส่งเอกสารการย้ายทีมและลงทะเบียนนักเตะล่าช้าไปสองนาที มีผลทำให้ เรอัล มาดริด ไม่สามารถยืนยันการย้ายทีมได้ทันเวลา
ด้าน ปีศาจแดง ก็ตอบโต้คืนในกรณีที่ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว โดยอ้างว่ามีการส่งข้อมูลด้านเอกสารก่อนเส้นตายตอน 23.00 น. ประมาณสองนาที แต่เป็นความผิดพลาดของ เรอัล มาดริด เองมากกว่า
14 วินาที อาเดรียน ซิลวา
ถ้าหาก เรอัล มาดริด ทำใจไม่ได้กับการพลาดเซ็นสัญญา ดาบิด เด เคอา เพราะส่งเอกสารช้าไป 2 นาที ราชันชุดขาว ต้องมองดูเคสของ อาเดรียน ซิลวา เป็นตัวอย่าง เพราะมิดฟิลด์โปรตุกีสยื่นเอกสารไปล่าช้ากว่านั้น เพียงแต่ 14 วินาที
การย้ายทีมด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์ระหว่าง เลสเตอร์ กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยังคงดำเนินต่อไป
หากแต่ อาเดรียน จะไม่สามารถลงเล่นให้ จิ้งจอกสีน้ำเงิน ได้ จนกว่าตลาดซื้อขายครั้งต่อไปจะเปิดฉากขึ้น ซึ่งก็คือช่วงเดือนมกราคมปี 2018
ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่สุดแสนจะทรมาน อาเดรียน ทำได้เพียงลงซ้อมเรียกความฟิตกับ เลสเตอร์ อย่างเดียวเท่านั้น และนั่นอาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของนักเตะ ที่ทำให้ไม่อาจเป็นตัวหลักของทีมหลังจากนั้น
อดย้าย แล้วพาล
ฤดูร้อนปี 2015 คือจุดเปลี่ยนที่พลิกโฉม ไซโด้ เบราฮิโน่ ไปตลอดกาล
เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ได้รับข้อเสนอจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้ายของวันเส้นตายตลาดซื้อขาย เบราฮิโน่ จึงวาดฝันตนเองสวมชุดสีขาวของ ไก่เดือยทอง ขึ้นมาทันที
แต่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนั้น เวสต์บรอม เรียกค่าตัว เบราฮิโน่ สูงถึง 25 ล้านปอนด์ ขณะที่ สเปอร์ส ไม่ยอมจ่ายเยอะขนาดนั้นอยู่แล้ว
การเจรจาจึงเป็นอัน 'ล้มเหลว'
ทันทีที่ทราบเช่นนั้น เบราฮิโน่ มือไว จัดการทวีตข้อความโจมตีสโมสร และระบุไปที่ประธานสโมสร เจเรมี่ พีซ ว่าจะไม่ขอร่วมงานด้วยอีกต่อไป ก่อนรีบลบโพสต์ในเวลาต่อมา
อย่างที่เกริ่นไป เหตุการณ์คือจุดเปลี่ยนชีวิตของ เบราฮิโน่ ที่ฟอร์มค่อยๆ ดิ่งลงเหว แม้ย้ายไป สโต๊ค ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนปัจจุบันศูนย์หน้าทีมชาติบุรุนดีย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆ ในลีกเบลเยียมกับ ซูลเต้ วาเรเกม