นับตั้งแต่เข้าสู่ทศวรรษใหม่ หรือเปลี่ยนปฏิทินมาเป็นปี 2020 รู้หรือไม่ว่าใครคือผู้นำดาวซัลโวในบรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรป พรีเมียร์ลีก, ลาลีกา, เซเรีย อา, บุนเดสลีกา, ลีกเอิง
ลีโอเนล เมสซี่ ผู้นำดาวซัลโวลาลีกานะเหรอ? เพิ่งยิงไป 4 ประตูในปีนี้ เป็นการยิงในลาลีกาเพียงประตูเดียวเท่านั้น ไม่ได้ใกล้เคียงกับการอยู่ในชาร์ตท็อป 10 เลย
ผู้นำดาวซัลโวบุนเดสลีกา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงไป 6 ประตู ก็ยังไม่ติดอยู่ในชาร์ตท็อป 10 เช่นเดียวกับ ผู้นำดาวซัลโวลีกเอิง วิสซาม เบน เยแดร์ ที่ยิงไป 4 ประตู และหนักสุดคือ ผู้นำดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก เจมี่ วาร์ดี้ ที่ยังคลำเป้าไม่เจอเลยในปีนี้
ในเมื่อท็อป 10 ไม่มีชื่อดาวยิงอย่าง เมสซี่, เลวานดอฟสกี้ แล้วใครกันบ้างที่ติดอยู่ในชาร์ตดาวซัลโวแห่งทศวรรษใหม่ หรือปี 2020
โรเมลู ลูกากู (อินเตอร์ มิลาน) - 7 ประตู
ดาวยิงคืนฟอร์มของ อินเตอร์ กลายเป็นตัวหลักในทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ แบบไม่มีหยุดพักหายใจ เมื่อลงเล่นไปแล้วถึง 10 เกมในปี 2020 มี 7 ประตูเกิดขึ้น แบ่งเป็นเกมเซเรียอา 5 ประตู และโคปปาอิตาเลียอีก 2 ประตู ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 128 นาทีต่อ 1 ประตู
เซร์คิโอ อเกวโร่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) - 7 ประตู
ศูนย์หน้าอาร์เจนไตน์เป็นสไตล์เรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่ถึงตอนนี้ยิงไปแล้ว 16 ประตูในพรีเมียร์ลีก ไล่บี้ผู้นำ เจมี่ วาร์ดี้ เหลือประตูเดียวแล้ว นั่นเป็นเพราะ 7 ประตูที่เกิดขึ้นในปี 2020 เป็น 6 ประตูในพรีเมียร์ลีก และ 1 ประตูในเอฟเอคัพ ที่สำคัญลงเล่นไปเพียง 6 เกมเท่านั้น ค่าเฉลี่ยเพียง 64 นาทีต่อ 1 ประตู
เนย์มาร์ (ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง) - 7 ประตู
นี่ขนาดบาดเจ็บพลาดลงเล่น 4 เกมในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ เนย์มาร์ ตุนประตูเอาไว้ในช่วงต้นปีเพียบ 7 ประตูที่เกิดขึ้นในปี 2020 มาจากเกมลีกเอิง 5 ประตูในเดือนมกราคมล้วนๆ 1 ประตูในเกมเฟร้นช์ลีกคัพ และอีก 1 ประตูสดๆ ร้อนๆ ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก จากการลงเล่นทั้งหมด 7 เกม เฉลี่ยง่ายๆ เกมละประตู
อเล็กซานเดอร์ อีซัค (เรอัล โซเซียดาด) - 8 ประตู
กองหน้าทีมชาติสวีเดนเชื้อสายเอริเทรีย เพิ่งอำลา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาอยู่กับ เรอัล โซเซียดาด ในฤดูกาลนี้ แม้ในปี 2019 ตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของ วิลเลียน โชเซ่ แต่พอเข้าสู่ปี 2020 ดาวรุ่งวัย 20 ปี กระหน่ำไปแล้ว 8 ประตู จาก 10 เกม เกิดขึ้นในลาลีกา 3 ประตู และ โกปา เดล เรย์ อีก 5 ประตู
โยซิป อีลิชิช (อตาลันต้า) - 8 ประตู
2020 กลายเป็นปีทองของกองกลางเท้าหนักทีมชาติสโลวีเนียที่ซัลโวเป็นว่าเล่น ทั้งยิงไกล ทั้งฟรีคิก จนถึงตอนนี้ปาเข้าไป 8 ประตูแล้ว เกิดขึ้นในเซเรีย อา 7 ประตู ในจำนวนนั้นคือแฮตทริกในเกมถล่ม โตริโน่ 7-0 ด้วย และในโคปปา อิตาเลีย 1 ประตู ทำให้ตอนนี้ยิงในลีกไปมากที่สุดในฤดูกาลเดียวแล้ว ทั้งที่ซีซั่นยังเหลืออีกยาวไกล
ปาโบล ซาราเบีย (ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง) - 8 ประตู
19.5 ล้านยูโรที่จ่ายให้ เซบีย่า เมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว เริ่มตอบแทน เปแอสเช นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2020 ที่ยิงไปแล้ว 8 ประตู แต่ก็มาจากเกมเฟร้นช์คัพที่ยิงทีมอ่อนกว่าไปถึง 6 ประตู กับอีก 2 ประตูในลีกเอิง แม้ลงเล่นไปถึง 11 เกม แต่หลายเกมเป็นการลงสำรอง ดังนั้นค่าเฉลี่ยจึงอยู่ที่ 83 นาทีต่อ 1 ประตู
มุสซ่า เดมเบเล่ (โอลิมปิก ลียง) - 9 ประตู
ดาวยิงเชื้อสายมาลี เพิ่มกลิ่นหอมให้ตัวเองมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ปี 2020 ที่ตะบันไปแล้ว 9 ประตูจากการลงเล่น 12 เกม แยกเป็นประตูในลีกเอิง 3, เฟร้นช์ คัพ 4 และ เฟร้นช์ ลีกคัพ 2 ขยับยอดประตูรวมในลีกเอิงขึ้นมาเป็น 13 ลูกแล้ว ไล่ตามผู้นำ 3 ประตู และนี่อาจเป็นซีซั่นสุดท้ายของ เดมเบเล่ กับ ลียง ก็เป็นได้
ชีโร่ อิมโมบีเล่ (ลาซิโอ) - 10 ประตู
ดาวซัลโวประจำทีม ลาซิโอ มีฤดูกาลที่น่าทึ่งที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2016 เพราะถึงตอนนี้ยิงแหลกไปแล้ว 26 ประตูจาก 24 เกมเซเรียอา และหากนับเฉพาะปี 2020 กดไป 10 ประตูจากการลงเล่น 10 เกมรวมทุกรายการ แบ่งเป็น 9 ประตูในเซเรียอา กับ 1 ประตูในโคปปา อิตาเลีย
เออร์ลิง เบราท์ โฮลันด์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) - 11 ประตู
นับตั้งแต่เปลี่ยนปฏิทินมาเป็นปี 2020 โฮลันด์ ก็เปลี่ยนสีเสื้อจาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ที่ซัลโว 28 ประตูจาก 22 เกมในซีซั่นนี้ มาเป็นสีเหลืองของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และเพิ่งลงเล่นไปเพียง 7 เกมเท่านั้น แต่ตะบันไปแล้วถึง 11 ประตู มาจาก 8 ประตูจาก 5 เกมบุนเดสลีกา, 1 ประตูจาก 1 เกมเดเอฟเบ โพคาล และ 2 ประตูจากเกมแรกในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เพิ่งยิง เปแอสเช รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดเพียง 40 นาทีต่อ 1 ประตู
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ยูเวนตุส) - 12 ประตู
โรนัลโด้ ยิงไป 12 ประตูในช่วงปี 2019 ของฤดูกาล 2019-20 แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2020 ดาวยิงโปรตุกีสเพิ่งลงเล่นไปเพียง 8 เกมเท่านั้น แต่ซัลโวไปแล้ว 12 ประตู แบ่งเป็น 10 ประตูในเซเรียอา ที่ทำสถิติยิง 10 เกมติดต่อกันมาจากปลายปีที่แล้วด้วย และอีก 2 ประตูมาจากโคปปา อิตาเลีย
นอกจากเป้าหมายหลักคือ สคูเด็ตโต้ 'โด้' ยังตั้งอีกเป้าหมายคือการลุ้นดาวซัลโวเซเรียอาที่ตอนนี้ยังตามห่าง อิมโมบิเล่ ถึง 6 ประตู หลังจากซีซั่นก่อนมาแผ่วปลายจนจบเพียงอันดับ 4 ในชาร์ต