ยามไร้เกมฟุตบอล ณ ปัจจุบัน และอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาแข่งขันกันได้อีกทีเมื่อไหร่ หลากหลายเรื่องราวในอดีตจึงถูกหยิบยกมานำเสมอให้หายคิดถึง
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมที่มีเกมรุกโดดเด่นกว่าเกมรับแทบทุกยุคทุกสมัย ถูกหยิบมาเป็นประเด็น กับการเลือกทีมสิบเอ็ดตัวจริงแห่งศตวรรษที่ 21 หรือนับตั้งแต่ปี 2001 มาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ แดเนียล เลวี่ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรต่อจาก อลัน ชูการ์ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2001
แม้ความสำเร็จที่จับต้องได้ มีเพียงถ้วยลีกคัพในฤดูกาล 2007-08 แต่ ท็อตแน่ม ก็ถูกยกย่องว่าเป็นทีมที่มีพัฒนาการก้าวกระโดดขึ้นเรื่อยๆ แถมยังปลุกปั้นนักเตะจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมาแล้ว
และคนที่จัดทีมแห่งศตวรรษที่ 21 ชุดนี้คือ เจมี่ บราวน์ แฟนบอลหัวโจกของกลุ่ม เดลี่ ฮ็อทสเปอร์ อาจจะตรงใจสาวกพันธ์แท้และพันธ์เทียมกันบ้างไม่มากก็น้อย
ผู้รักษาประตู - อูโก้ โยริส
ในตำแหน่งนี้ ถ้าจะให้ลากยาวตั้งแต่คนแรกของศตวรรษที่ 21 คงต้องเริ่มจาก เอียน วอล์คเกอร์, นีล ซัลลิแวน, เคซี่ย์ เคลเลอร์, พอล โรบินสัน, เอเรลโญ่ โกเมส, แบร๊ด ฟรีเดล จนมาถึง อูโก้ โยริส จนปัจจุบัน
และแน่นอนที่สุด ไม่มีใครเหนือกว่า โยริส ที่มีผลงานการเซฟประตูอยู่ในระดับแถวหน้าของพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ย้ายมาจาก โอลิมปิก ลียง เมื่อปี 2012 ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์
แบ็กขวา - ไคล์ วอล์คเกอร์
วอล์คเกอร์ ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของสโมสร แม้ไม่ทราบค่าตัวที่ชัดเจน เพราะเป็นการเซ็นสัญญาแพ็กคู่มาพร้อมกับ ไคล์ นอห์ตัน จาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในราคา 9 ล้านปอนด์เมื่อปี 2009
เวลานั้น วอล์คเกอร์ ถูกมองว่าผอมบาง จึงถูกส่งให้ เชฟฯ ยูไนเต็ด, ควีนส์ปาร์ค, แอสตัน วิลล่า ช่วยกันฟูมฟัก จนก้าวขึ้นมายึดตัวจริง ท็อตแน่ม ตั้งแต่ฤดูกาล 2011-12 ถึง 2016-17 ก่อนขายให้ แมนฯ ซิตี้ 50 ล้านปอนด์
เซนเตอร์แบ็ก - เลดลี่ย์ คิง
อาจจะมีคำถามคาใจกับการเลือก คิง อยู่ในทีมแห่งศตวรรษที่ 21 เพราะอาการบาดเจ็บเรื้อรังชนิดที่แฟนๆ ต้องมีเสียวทุกครั้งที่ลงสนาม แถมยังซ้อมบ่อยแบบชาวบ้านก็ไม่ได้ แต่อดีตกัปตันทีมคนนี้แหละ ขวัญใจแฟนตัวจริง
คิง กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่น 'วันคลับแมน' จากการรับใช้ ท็อตแน่ม เพียงสโมสรเดียวตลอดอาชีพค้าแข้งนับตั้งแต่ปี 1999-2012 และตลอด 321 เกมรวมทุกรายการ คิง ได้รับใบเหลืองเพียง 8 ใบเท่านั้น
เซนเตอร์แบ็ก - ยาน แฟร์ทองเก้น
แฟร์ทองเก้น คือหนึ่งในการเสริมทัพที่ดีที่สุดของ ท็อตแน่ม ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา และเป็นการย้ายมาในปีเดียวกับ อูโก้ โยริส และ มูซ่า เดมเบเล่ ที่ช่วยกันพลิกโฉมหน้าของทีมให้ยกระดับขึ้นมาอีกขั้น
ปราการหลังทีมชาติเบลเยียม จับจองตำแหน่งตัวจริงในทีม ท็อตแน่ม มาทุกฤดูกาล และมีซีซั่นที่ดีที่สุดคือซีซั่น 2017-18 ที่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร จากการโหวตของแฟนบอล
แบ็กซ้าย - แดนนี่ โรส
ก้าวขึ้นมาจากทีมชุดเยาวชนในฐานะปีกซ้ายร่างตัน จากนั้นก็ค่อยๆ ผันตัวเองมารับบทแบ็กซ้ายแบบไม่มีเคอะเขิน เพราะสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายอยู่แล้ว
จุดเด่นของ โรส คือความเร็วและการเติมเกมรุกแบบไม่มีหมด สามารถกลบจุดอ่อนคือเรื่องเกมรับและการครอสบอลจากริมเส้นไปได้บ้าง และมีดีพอที่จะเป็นแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในรอบ 20 ปีของสโมสร
กองกลาง - ลูก้า โมดริช
แดเนียล เลวี่ เป็นคนบินไปตกลงสัญญาถึง ซาเกร็บ ตั้งแต่เดือนเมษายน กลายเป็นการย้ายทีมคนแรกในช่วงซัมเมอร์ปี 2008 ของพรีเมียร์ลีก และตัดโอกาส แมนฯ ซิตี้ กับ นิวคาสเซิ่ล ที่สนใจเช่นกัน
แม้รูปร่างเล็ก ผอมบาง ผิดกับบรรดากองกลางในพรีเมียร์ลีก แต่ โมดริช ก็เอาตัวรอดได้แบบสบายๆ กลายเป็นตัวหลักของ ท็อตแน่ม ตลอด 4 ฤดูกาล ก่อนที่ท้ายที่สุดจะเสร็จ เรอัล มาดริด ทุ่มซื้อไปในราคา 30 ล้านปอนด์
กองกลาง - มูซ่า เดมเบเล่
เดมเบเล่ ย้ายมาจาก ฟูแล่ม ทีมร่วมกรุงลอนดอนเมื่อปี 2012 ตามค่าฉีกสัญญา 15 ล้านปอนด์ และกลายเป็นอีกหนึ่งการเซ็นสัญญาที่คุ้มแสนคุ้มของ ท็อตแน่ม ในศตวรรษที่ 21
เทคนิคที่แพรวพราว บวกกับเท้าซ้ายตะขอ (ข้างเดียวก็เกินพอ) ทำให้ เดมเบเล่ ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่ดีที่สุดของยุโรป และด้วยลีลาที่เพลิดเพลินตาแบบนี้แหละ ที่ทำให้กลายเป็นขวัญใจแฟนๆ
กองกลาง - คริสเตียน เอริคเซ่น
เอริคเซ่น ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อปี 2013 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แฟนๆ กำลังโศกเศร้ากับการขาย แกเร็ธ เบล ไปให้ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกในช่วงเวลานั้น
แม้เล่นคนละตำแหน่งและคนละสไตล์ แต่ เอริคเซ่น ก็ค่อยๆ ผูกมัดใจทุกคน ด้วยผลงานจากลูกฟรีคิก ลูกยิงไกล ที่ทำให้แฟนๆ ตกตะลึงมานักต่อนัก และกลายเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรซีซั่น 2016-17
กองหน้า - แกเร็ธ เบล
เบล เผชิญช่วงเวลายากลำบากนับตั้งแต่ย้ายมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ปี 2007 แต่พอยึดตัวจริงตำแหน่งปีกได้ ดาวเตะเวลส์ก็งัดฟอร์มเก่งโดยเฉพาะแอสซิสต์ ก่อนถึงซีซั่น 2012-13 ที่โชว์ฟอร์มยิงระเบิด 26 ประตูจาก 44 เกม
รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร ตกเป็นของ เบล ในซีซั่นนั้นแบบไม่ต้องสงสัย และกลายเป็นซีซั่นสุดท้ายในถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ด้วย ก่อนย้ายไป เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกในช่วงเวลานั้น
กองหน้า - แฮร์รี่ เคน
ผลผลิตอันล้ำค่าจากทีมเยาวชนที่ตอบแทน ท็อตแน่ม ด้วยจำนวนประตู 181 ลูก จากการลงเล่น 278 เกมรวมทุกรายการ นับตั้งแต่ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกซีซั่น 2011-12 และกลายเป็นตัวหลักตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15
ดาวยิงที่ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเบอร์เสื้อจาก 37 มาเป็น 18 และกลายเป็น 10 จนถึงปัจจุบัน กวาดรางวัลเกียรติยศส่วนตัวมานับไม่ถ้วน ในจำนวนนั้นคือ รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2015-16 และ 2016-17
กองหน้า - ซน ฮึง-มิน
เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ อย่างรวดเร็ว ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ และสไตล์การเล่นที่มุ่งมั่นเต็มที่ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เมื่อปี 2015
หลังจากเปิดตัวซีซั่นแรกไปเพียง 8 ประตู หลังจากนั้น ซน ก็ซัลโวขึ้นสองหลักตลอด 21 ประตูซีซั่น 2016-17, 18 ประตูซีซั่น 2017-18, 20 ประตูซีซั่น 2018-19 และซีซั่นนี้ยิงไปแล้วถึง 16 ประตู