:::     :::

ปวดหัวแน่ ถ้าเกินเดดไลน์

วันพุธที่ 15 เมษายน 2563 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,325
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลายคนอยากเห็นฤดูกาล 2019-20 กลับมาเตะกันต่อให้จบๆ จะวันไหน เดือนไหน ก็ช่าง! แต่หากล่วงเกินวันเดดไลน์ของซีซั่น ความวุ่นวายก็จะตามมาเพียบ

แม้ฟุตบอลลีกใหญ่ๆ ของยุโรปจะสิ้นสุดฤดูกาลกันภายในเดือนพฤษภาคม รวมถึงรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลยุโรปทั้งสองรายการด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ซีซั่นเก่าจะจบลงวันที่ 30 มิถุนายน และเริ่มซีซั่นใหม่ 1 กรกฎาคม อย่างเป็นทางการ

ดังนั้น แม้ศึกชิงแชมป์แห่งชาติ ยูโร 2020 กับ โกปา อเมริกา 2020 เลื่อนไปเตะในปีหน้ากันแล้ว เพื่อเปิดทางให้ฟุตบอลลีกยุโรปทั้งหลายเตะกันให้จบฤดูกาลนี้ แต่หากการแข่งขันข้ามเข้าสู่เดือนกรกฎาคมเมื่อไหร่ ปัญหาใหญ่หลายๆ อย่างก็จะตามมาทันที หากไม่มีการทำข้อตกลงร่วมกันตั้งแต่เนิ่นๆ และต้องคลอบคลุมในทุกประเด็นด้วย
ประเด็นหลักที่มาเป็นอันดับหนึ่งคือเรื่องนักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์นี้ หรือลงรายละเอียดว่าสัญญาจะสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน
หมายความว่า หากฤดูกาล 2019-20 พลิกหน้าปฏิทินเข้าสู่เดือน 7 เมื่อไหร่ นักเตะที่กำลังจะกลายเป็นอิสระอย่าง วิลเลียน, โอลิวิเย่ร์ ชีรูด์, เปโดร โรดริเกซ, ยาน แฟร์ทองเก้น, อดัม ลัลลานา เป็นต้น สามารถเดินออกจากสโมสรได้ทันที ทั้งที่เพื่อนร่วมทีมยังลงสนามเตะกันอยู่
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า พยายามหาทางออกให้เรื่องนี้ แต่มาตรการพิเศษขององค์กรลูกหนังโลกก็อาจไม่สามารถควบคุมนักเตะให้ปฏิบัติตามได้ หากมีการดำเนินการฟ้องร้องทางกฏหมาย
สิ่งเดียวที่ ฟีฟ่า สามารถทำได้แน่ๆ คือการไม่อนุญาติให้นักเตะคนนั้นๆ ไปลงทะเบียนเล่นกับสโมสรใหม่จนกว่าจะจบซีซั่น 2019-20 หากมีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป
แต่ไม่อาจหาข้อบังคับนักเตะให้ต้องลงสนามกับต้นสังกัดเดิมหลังพ้นวันที่ 30 มิถุนายนไปแล้ว หากนักเตะคนนั้นๆ อ้างเหตุผลเรื่องอาการบาดเจ็บที่จะส่งผลต่อการเซ็นสัญญากับสโมสรใหม่
เรื่องดังกล่าวส่งผลมหาศาลต่อผลการแข่งขันที่จะสามารถแปรเปลี่ยนอันดับในตารางได้ ไม่เพียงแค่ทีมใหญ่ๆ ที่เอ่ยมา แต่ยังรวมถึงทีมเล็ก อาทิ ไรอัน เฟรเซอร์ ของ บอร์นมัธ และบรรดานักเตะที่อยู่ในสัญญายืมทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของสปอนเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ไม่แพ้กัน เมื่อพิจารณาจากเรื่องตัวเลขการเซ็นสัญญาที่จะมีแต่การทำลายสถิติเดิมไปเรื่อยๆ
อาทิ สัญญาชุดแข่งของ ลิเวอร์พูล กับ นิว บาลานซ์ ที่กำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้ และ ไนกี้ เข้ามารับช่วงต่อซีซั่นหน้า แม้ทาง 'ว่าที่' แชมป์พรีเมียร์ลีกรับปากกับเจ้าเดิมว่าจะสวมชุดไปจนถึงวันชูโทรฟี่ และเจ้าใหม่ก็ตอบตกลงด้วยดี แต่หากซีซั่นนี้ยังมีการยืดระยะเวลาออกไปจนเกินงาม ก็อาจกลายเป็นเรื่องท้าทายทางกฏหมาย
เบื้องต้น มีการคาดการณ์ว่า 6 มิถุนายน เป็นฤกษ์งามยามดีให้เกมพรีเมียร์ลีกกลับมาลงสนามกันต่อ ซึ่งการประเมินโปรแกรมที่เหลืออยู่ คาดว่าอาจจะไปสิ้นสุดในวันที่ 12 กรกฎาคม นั่นก็เกินวันเดดไลน์ 30 มิถุนายน อยู่ดี
เมื่อพิจารณาจากเพื่อนบ้านอย่าง บุนเดสลีกา ที่มีความเป็นไปได้มากขึ้นในการกลับมาเตะกันต่อหลังจากวันที่ 4 พฤษภาคม อาจทำให้พรีเมียร์ลีกใช้แนวทางเดียวกัน หากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มเบาบางลงจนอยู่ในขั้นที่รัฐบาลอังกฤษเปิดไฟเขียวให้กลับมาทำการแข่งขันกันต่อได้ ทำให้มีแนวโน้มที่จะจบซีซั่นได้ภายใน 30 มิถุนายน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ไม่มีใครตอบได้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร เพราะถึงแม้ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่หากมีนักเตะหรือใครก็ตามในทีมเกิดติดเชื้อขึ้นมาสักคน ทั้งทีมก็จะต้องถูกกักตัว 14 วัน และแผนการของพรีเมียร์ลีกที่วางเอาไว้สวยๆ ก็ต้องพังครืนลงทั้งหมด
ตอนนี้บรรดา 20 สโมสรพรีเมียร์ลีกจึงต้องการคำตอบที่แน่ชัดว่าจะทำให้ซีซั่น 2019-20 จบลงก่อนวันที่ 30 มิถุนายนได้หรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับความวุ่นวายที่จะตามมา แม้ในความเป็นจริง โอกาสเป็นไปได้มีน้อย แต่ที่เพิ่มขึ้นคือความกดดัน

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด