ในเกมฟุตบอล 'ดารา' หรือ 'ดาวเด่น' มักถูกจับจ้องไปที่กองหน้า เพราะเหตุผลสำคัญคือเรื่องการทำประตู แต่ตำแหน่งที่มีความสำคัญที่สุด แท้จริงอยู่ตรงกลางสนาม
รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของศึกพรีเมียร์ลีก ตกเป็นของกองหน้าและกองหลังในสองปีหลังสุด แต่ฤดูกาล 2019-20 นี้มีการคาดการณ์ว่ารางวัลนี้จะตกอยู่ในมือกองกลาง
โรดรี้ กลายเป็นกองกลางเจ้าของสถิติค่าตัวแพงสุดคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จ่ายหนักดึง บรูโน่ แฟร์นันเดส มาเสริมแดนกลางเมื่อเดือนมกราคม
หรือจะเป็น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ควักกระเป๋าเป็นสถิติใหม่เช่นกันเป็นค่าตัวของ ตองกีย์ เอ็นดงเบเล่
แต่ใครคือกองกลางที่โดดเด่นที่สุดในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทกองกลางตัวรับ กองกลางตัวรุก หรือเพลย์เมคเกอร์ เมื่อพิจารณาจากตัวเลขและสถิติต่างๆ ก็คงไม่เห็นต่างจากสายตาแฟนบอลมากนัก
10 ทอดด์ แคนท์เวลล์
หนึ่งในผลผลิตจากทีมเยาวชนของ นอริช ที่ผลักดันขึ้นมาแทนที่ เจมส์ แมดดิสัน ที่ทิ้งรูโหว่เอาไว้ และชื่อของ ทอดด์ แคนท์เวลล์ ก็กลายเป็นดาวเด่นของทีมทันที ในฤดูกาลแรกที่พาทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก
ซีซั่นแรกในลีกสูงสุดอังกฤษ แคนท์เวลล์ โชว์ฝีเท้าได้ดีแบบไม่มีเคอะเขิน จนฤดูกาลผ่านไปไม่นานก็มีข่าวได้รับความสนใจจาก ลิเวอร์พูล จ่าฝูงของลีก หลังจากเค้นฟอร์มสุดยอดตั้งแต่เกมแรกของซีซั่นที่ แอนฟิลด์
ด้วยบทบาทที่เป็นได้ทั้งกองกลางตัวรุก และริมเส้นสองฝั่ง แคนท์เวลล์ ซัลโวไปแล้วถึง 6 ประตูจากการลงเล่น 28 เกมพรีเมียร์ลีก กลายเป็นดาวซัลโวอันดับสองของ นอริช ในซีซั่นนี้ รองจาก ทีมู พุกกี้ คนเดียว และยังเป็นดาวซัลโวอันดับสามร่วมในฐานะกองกลางของทุกสโมสรในพรีเมียร์ลีกด้วย
9 เฟร็ด
จากกองกลางที่ติดชาร์ต "ค่าตัวแพงแต่โชว์ฟอร์มไม่คุ้มค่า" มาฤดูกาลนี้ เฟร็ด พลิกหน้ามือเป็นหลังเท้า เมื่อเค้นฟอร์มเก่งในบทบาทกองกลาง 'บ็อกซ์ทูบ็อกซ์' ในช่วงเวลาที่ ปอล ป็อกบา, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เนมานย่า มาติช นัดกันบาดเจ็บพอดี
อันที่จริง แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงได้เห็นฟอร์มที่ดีที่สุดของ เฟร็ด ไปแล้วในซีซั่นก่อน เกมที่บุกชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง 3-1 แต่หลังจากนั้นมิดฟิลด์บราซิลก็กลับไปป๊อกๆ แป๊กๆ เหมือนเดิมในพรีเมียร์ลีก
แต่ซีซั่นนี้ เฟร็ด กลายเป็นกองกลางที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะขาดไม่ได้แล้ว ด้วยพละกำลัง ความทุ่มเท การลากเลื้อยพาบอลพลิกจากรับเป็นรุก การตัดเกมด้วยลูกหนักๆ ทุกอย่างมาครบ และยังเป็นนักเตะ ผีแดง คนเดียวที่แท็กเกิ้ลสำเร็จไปมากกว่า 30 ครั้ง
8 โอลิเวอร์ นอร์วูด
อดีตกองกลางดาวรุ่งจากรั้วทีมเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ไม่เคยได้รับโอกาสเลย ขณะมีชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ระหว่างปี 2009-2012
นอร์วูด ค่อยๆ พัฒนาฝีเท้าในลีกวัน จนขยับสู่แชมเปี้ยนชิพกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์, เร้ดดิ้ง, ไบรท์ตัน แต่ก็ไม่ได้เลื่อนชั้นกับทีม เพราะถูกปล่อยยืมไป ฟูแล่ม กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่กลายเป็นตัวหลักพาทีมขยับขึ้นพรีเมียร์ลีก
ในวัย 29 ปี นอร์วูด กลายเป็น 1 ใน 5 นักเตะ ดาบคู่ ที่กุนซือ คริส ไวล์เดอร์ ใช้งานครบทุกเกมในฤดูกาลนี้ (ก่อนซีซั่นหยุด) และกลายเป็นกองกลางที่ผ่านบอลสำเร็จมากที่สุดในบรรดากองกลางทุกคนในพรีเมียร์ลีก บริเวณพื้นที่ที่เรียกว่า 'ไฟนอลเธิร์ด' หรือระยะ 35-40 หลาหน้าประตูคู่แข่ง ด้วยจำนวน 313 ครั้ง
7 มาเตโอ โควาชิช
เดิมที เชลซี ทำท่าว่าจะไม่ใช้เงื่อนไขซื้อขาด โควาชิช จาก เรอัล มาดริด อยู่แล้ว แต่เนื่องด้วยปัญหาโทษแบนห้ามเสริมทัพก่อนเริ่มต้นฤดูกาลนี้ ทำให้สัญญาถาวรถูกนำเสนอต่อกองกลางโครเอเชียในที่สุด
และดูเหมือนว่า โควาชิช จะทำได้ดีขึ้นในยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มากกว่าตอนเล่นให้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ตลอดทั้งซีซั่น 2018-19 ไม่มีประตูจากอดีตมิดฟิลด์ อินเตอร์ มิลาน ให้แฟนบอลได้เห็นเลย
จากอดีตที่รับบทกองกลางตัวรุก หรือตัวริมเส้นเสียเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้ โควาชิช กลายเป็นคนคุมเกมตรงกลางสนามของ เชลซี แบบเต็มตัวแล้ว และเป็นตัวหลักของ แลมพาร์ด ที่มีจุดเด่นเรื่อง "การพาบอลหนีคู่แข่ง" ที่เป็นเจ้าของสถิติ 69 ครั้ง มากกว่ากองกลางทุกคนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
6 จอร์จินโย่ ไวนัลดุม
กลายเป็นที่รักของแฟนๆ ลิเวอร์พูล จากเกมแห่งความทรงจำที่ ไวนัลดุม เป็นตัวสำรองลงมาทำสองประตูในชัยชนะเหนือ บาร์เซโลน่า 4-0 พลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีก และไปถึงแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อน
นอกจากจะเป็นกองกลางที่มีครบเครื่อง ทั้งเรื่องตัดเกม ผ่านบอล ทะลุทะลวงเข้าเขตโทษแล้ว จุดเด่นของ ไวนัลดุม ที่เข้าตามาตั้งแต่สมัยเล่นอยู่กับ เฟเยนูร์ด, พีเอสวี และ นิวคาสเซิ่ล นั่นก็คือการยิงประตู
ในบรรดานักเตะ 'เอาท์ฟิลด์' ของ ลิเวอร์พูล ไวนัลดุม เสียการครอบครองบอลเฉลี่ยต่อเกมเพียง 7.87 ครั้ง น้อยที่สุดในเกมพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ จึงถือเป็นกองกลางที่ไว้วางใจได้สำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ และแฟนๆ เดอะ ค็อป
*ติดตามตอนสอง